“ปลายใช่ไหมครับเนี่ย”
เสียงทักทายจากทางด้านหลังดังขึ้นขณะที่ปลายฝนเดินเล่นอยู่ในห้างฯ เล็กๆ ของจังหวัด เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสันนั้นเธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อน นึกอยู่พักหนึ่งจึงรีบตอบ
“พี่เชน! ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอกันที่นี่”
ปลายฝนถึงกับต้องบอกอย่างนั้น เพราะคเชนทร์เป็นลูกชายเพื่อนแม่เธอ ซึ่งพื้นเพอยู่ทางเหนือ แต่เขามาโผล่ที่สุพรรณนี่ได้อย่างไรกัน
“พี่ก็เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าใช่ปลายจริงๆ ด้วย เราเจอกันครั้งสุดท้ายตอนปลายรับปริญญา จำได้ว่าปลายทำงานที่โรงพยาบาลแถวบ้านนี่นา”
ปลายฝนแอบโล่งใจที่คเชนทร์รู้เพียงแค่นั้น ได้แต่หวังว่าเขาคงยังไม่รู้ว่าเธอเคยเป็นเจ้าสาวที่งานแต่งล่มแบบไม่เป็นท่า
แต่เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่รู้ ในเมื่อแม่เธอกับแม่เขาเป็นเพื่อนสนิทกัน
โอ้! จริงสิ แม่ของคเชนทร์ยังมางานแต่งของเธอด้วยซ้ำ
คิดถึงตรงนี้ปลายฝนเริ่มใจหาย ความอับอายทำให้เธอรีบบอกคเชนทร์
“ดีใจที่ได้เจอกันนะคะพี่เชน พอดีปลายต้องรีบกลับ ปลายไปก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวสิปลาย บอกพี่ก่อนว่าทำงานที่ไหน เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อกัน พี่มีบริษัทสาขาที่สุพรรณด้วย แถมเพิ่งสร้างบ้านใหม่ที่นี่เสร็จอีกต่างหาก อะ นี่นามบัตรพี่” คเชนทร์ยื่นนามบัตรให้หญิงสาว เธอนิ่งไปพักหนึ่งจึงบอก
“เอ่อ...ปลาย...”
ปลายฝนชั่งใจว่าควรบอกเรื่องส่วนตัวกับคเชนทร์หรือไม่ ในที่สุดจึงตัดสินใจว่าเธอควรเผชิญความจริง ยังจำได้ ว่าแม่พูดเสมอว่านางคนึงนิจแม่ของคเชนทร์นั้นเป็นเพื่อนรักที่นิสัยดีมากๆ มีอะไรก็พึ่งพากันมาตลอด ในช่วงที่แม่เพิ่งหย่ากับพ่อใหม่ๆ ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินเลี้ยงลูกสองคนในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้น แม่ของคเชนทร์เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา
“ปลายย้ายมาทำงานโรงพยาบาลที่สุพรรณนี่แหละค่ะ...” ปลายฝนบอกชื่อโรงพยาบาลไป
“โอเคจ้ะ ปลายมีอะไรก็ติดต่อพี่ตามนามบัตรได้ตลอด มาทำงานไกลบ้านแบบนี้ มีคนรู้จักไว้ย่อมดีกว่าเนอะ”
คเชนทร์ส่งยิ้มให้ หญิงสาวสังเกตว่าผู้คนที่เดินไปเดินมาในห้างฯ เริ่มจับตามอง น่าจะเป็นเพราะความหล่อสะดุดตาของคเชนทร์นั่นเอง ขนาดเธอไม่มีเวลาสังเกตละเอียดยังอดสรุปไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามมาก น่าจะเป็นเพราะหุ่นกำยำสูงใหญ่เหนือมาตรฐานชายไทย ไหนยังหน้าตาคมสัน ผิวออกขาวยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่นเอามากๆ
“ปลายไปละค่ะ”
ปลายฝนตัดบทแล้วเดินจากมา ในใจอดคิดไม่ได้ว่าการมีแผลในใจเรื่องการแต่งงานแสนอัปยศครั้งเดียว ทำให้ผู้ถูกกระทำอย่างเธอกลายเป็นคนไม่กล้าสู้หน้าใครได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาให้จิตใจของเธอกลับมาเข้มแข็งเป็นปกติโดยเร็ว
----------
ช่วงเวลาไม่นานที่ปลายฝนอยู่ร่วมชายคากับแดนไทนั้น แม้จะทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นแต่ทำไมต้องมีเหตุให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจแทรกมาอยู่เรื่อย ถึงขั้นหาความสงบในใจแทบไม่ได้เลยทีเดียว
เริ่มจากเช้านี้ที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจจะขับตามปลายฝนตั้งแต่ออกมาจากไร่ เพื่อช่วยดูว่าเธอขับรถได้คล่องและปลอดภัยจริงอย่างที่คุยไว้หรือไม่ แต่พอบอกเธอว่าจะขับตามไปเท่านั้น หญิงสาวก็ขึ้นเสียงทันที
“พี่แดนไม่ไว้ใจปลายเลยใช่ไหม ปลายขับไปเองได้น่า ทำไมต้องตามประกบเหมือนปลายเป็นเด็กๆ เลยอะ”
“ไม่ได้จะประกบ แค่ขับตามไปห่างๆ เพราะไหนๆ พี่ก็ต้องไปส่งน้องเดี่ยวที่โรงเรียนอยู่แล้ว”
แดนไทค่อยๆ เข้าใจพงษ์มากขึ้น ว่าทำไมประคบประหงมน้องสาวนัก ขนาดปลายฝนไม่ใช่น้องสาวเขา แต่เขายังเกิดอาการเป็นห่วงเกินเหตุกับเธอบ่อยๆ น่าจะเพราะรูปลักษณ์นางงามที่ดูสวยสะดุดตา แตกต่างจากสาวทั่วไป ดูล่อใจหนุ่มๆ...ทุกอย่างในตัวปลายฝนทำให้แดนไทอยากดูแลประคับประคอง ราวกับเธอคือแก้วเจียระไนบางๆ ที่จะว่าไปก็เคยร้าวมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเจอเรื่องน่าเจ็บปวดอีก เพราะหากโดนซ้ำ เชื่อว่าปลายฝนแตกสลายแน่ๆ
“ไม่ต้องเลยพี่แดน นี่ถ้าไม่ติดว่าปลายต้องอยู่เวรบางวันนะ ปลายจะรับผิดชอบรับส่งน้องเดี่ยวเองด้วย โชว์ให้พี่แดนรู้เลยว่าปลายทำได้ ไว้ใจกันหน่อยสิ” ปลายฝนต่อว่าเขา คงไม่รู้ตัวเลยล่ะสิว่ากลีบปากอิ่มที่เอ่ยคำพูดออกมานั้น มองทีไรยังพาให้หัวใจหนุ่มอย่างแดนไทเต้นรัวได้ทุกครั้ง...ไม่รู้เพราะอะไร
“พี่ก็ไว้ใจอยู่”
“แปลว่าไม่ไว้ใจไง” ปลายฝนดักคอ แม้จะเข้าใจดีว่าแดนไทห่วงใยและหวังดี แต่ถ้าไม่ปล่อยให้เธอเผชิญสถานการณ์บนท้องถนนเองบ้าง เธอจะเก่งได้อย่างไร แดนไทกับพงษ์พี่ชายเธอนี่สมกับเป็นเพื่อนรักกันเสียจริงๆ นิสัยขี้เป็นห่วงจนเกินเหตุนั้นไม่ยิ่งหย่อนจากกันเลย
หญิงสาวเห็นน้องเดี่ยวที่ยืนอยู่ข้างพ่อเริ่มหน้าเสียเมื่อเธอออกอาการต่อต้านพ่อของเขา เธอจึงส่งยิ้มแล้วลูบศีรษะเด็กชายพร้อมกับบอกว่า
“อาปลายไปก่อนนะน้องเดี่ยว วันนี้อาจะขับรถไปเองล่ะ” เธอโอ่เบาๆ กับเด็กชายซึ่งดูเหมือนจะคิดว่าการขับรถเป็นนั้นคือสุดยอดความสามารถ
“เดี่ยวอยากไปกับอาปลาย” ริมฝีปากเล็กๆ เอ่ยคำพร้อมกับคว้าแขนของปลายฝนไปกอดไว้แน่น
“ไม่งอแงสิเดี่ยว พ่อบอกแล้วว่าวันนี้พ่อจะไปส่งเองไงล่ะ” คำพูดดุๆ ของแดนไทที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทำให้เด็กชายเริ่มน้ำตาคลอ
“เอาไว้วันหลังเนาะ อาจะขับพาเที่ยวให้ทั่วเลย แต่วันนี้ขออาลองขับไปเองคนเดียวก่อน น้องเดี่ยวเข้าใจอาเนอะ ขนาดตอนฝึกขี่จักรยาน ยังต้องมีวันที่ปล่อยให้น้องเดี่ยวขี่เอง ไม่ต้องคอยวิ่งตามเลย น้องเดี่ยวถึงจะเก่งไง อาอยากเก่งบ้างจ้ะ เอาเป็นว่าอาต้องรีบไปละ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน”
ปลายฝนก้มลงหอมแก้มนุ่มของเด็กชาย น้องเดี่ยวหอมตอบฟอดใหญ่ ยินยอมปล่อยแขนเรียวแล้วมาเกาะแขนผู้เป็นพ่อแทน
ยิ่งนานวันแดนไทยิ่งรู้สึกว่าน้องเดี่ยวสนิทสนมกับปลายฝนมากขึ้นทุกที เผลอๆ อาจจะมากกว่าตอนที่สนิทกับพริกหวานเสียอีก เพราะกับพริกหวานนั้น เธอมีเรื่องที่ต้องปิดบังเก็บกดในใจ ขณะที่ปลายฝนดูร่าเริงเปิดเผยกว่า เธอดูธรรมชาติและเป็นกันเองกับทุกคน พูดได้ว่าบ้านปีกไม้หลังนี้มีสีสันได้เพราะปลายฝน
อ้าว! ด่วนสรุปอีกแล้วมึง สีสงสีสันอะไรวะเนี่ย ไปไกลมากไอ้แดนเอ๊ย! ไม่นะ ไม่ๆ มึงเอาอีกแล้วเหรอ แอบถูกใจทุกสิ่งที่น้องปลายทำ ยังไม่เข็ดหรือไงที่โดนพริกหวานหักอกครั้งนั้น มันเจ็บปวดรุนแรงน่ากลัวจะตาย แต่ทำไมเหมือนมึงไม่รู้จักจำเลยวะ มึงบ้าไปแล้ว!
แม้จะเตือนสติตัวเองเช่นนั้น แต่พอปลายฝนขับรถออกไป แดนไทก็เร่งลูกชายให้ขึ้นรถโฟร์วีลของตน แล้วขับตามไปห่างๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว จะว่าเขาดึงดันทำตามใจก็คงใช่ คนมันอดห่วงไม่ได้นี่นา
“พ่อชอบอาปลายเหรอ”
คำพูดที่โพล่งออกมาจากปากเล็กๆ ของน้องเดี่ยวทำเอาแดนไทถึงกับสะดุ้ง อ้าปากค้าง หาคำพูดตัวเองไม่เจอไปพักหนึ่ง
“เดี่ยวพูดอะไรน่ะ เป็นเด็กเป็นเล็ก รู้ได้ไงว่าใครชอบใคร” แดนไทกำพวงมาลัยแน่น รู้สึกราวถูกสอบสวนในรถของตัวเอง แววตารู้ทันของเจ้าตัวน้อยทำเอาเขาใจเต้น
“ตะกี้พ่อมองอาปลายแบบ...เป็นห่วงมากๆ พ่อมองเหมือนที่มองเดี่ยวเปี๊ยบเลย ถ้าพ่อรักและห่วงเดี่ยวก็แปลว่าพ่อรักแล้วก็ห่วงอาปลายด้วยเหมือนกัน”
“มะ...ไม่เอาน่าลูก แก่แดดไปไหมเนี่ย รักเริกอะไรล่ะ หือ พูดจา อาปลายน่ะเป็นน้องสาวเพื่อนพ่อ พ่อก็ต้องห่วงสิ”
“ไม่รู้ละ ถ้าพ่อจะหาแม่ใหม่ให้เดี่ยว ขอเป็นอาปลายนะฮะ”
คำพูดจริงจังของลูกชายทำเอาแดนไทอึ้งไปสนิท นี่เด็กคงสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ คงเพราะเวลาไปไหนมาไหนกับปลายฝน แดนไทมักติดน้องเดี่ยวไปเป็นกันชนด้วย หารู้ไม่ว่านั่นนอกจากทำให้เด็กเห็นความสนิทสนมแล้ว ยังเป็นการเร่งปฏิกิริยากลายๆ ยิ่งแดนไทเห็นว่าปลายฝนรักน้องเดี่ยวเท่าไร เขายิ่งรักเธอมากเท่านั้น
รักเหรอ! ตายห่าละ! ไม่ได้เด็ดขาดนะเว้ยไอ้แดน มึงรักใครไม่ได้อีกแล้ว มึงก็รู้ว่าตอนผิดหวังมันทรมานแค่ไหน
แต่เหมือนสมองอีกข้างที่สุดแสนก๋ากั่นรีบบอกเขาว่า
ถ้าไม่ลองอีกสักครั้งมึงจะรู้ได้ไงว่าความรักที่ไม่เจ็บปวดน่ะ...มีจริง!
ติดตามต่อในฉบับเต็มทั้งแบบ หนังสือเล่ม และ อีบุ๊ก