ทดลองอ่าน ฝากรักไว้ที่ปลายฝน : ตอนที่ 21

 

 

ตอนที่ 21

 

 

“อุ๊ย! มากันแล้วเหรอคะ ไหนคะ เพื่อนรักคุณปลาย นมอยากรู้จัก”

นมเป่งจูงมือน้องเดี่ยวเดินมาต้อนรับน้ำปิงถึงรถ

“สวัสดีค่ะนมเป่ง หนูน้ำปิงนะคะ เรียกปิงก็ได้ค่ะ” สาวผมบ็อบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ตามด้วยการส่งยิ้มน้อยๆ ให้เด็กชายเพื่อทักทาย

“ค่ะคุณปิง แหม! สมกับเป็นสาวเหนือเลยนะคะเนี่ย ผิวพรรณดีมาก ขาวเนียนเชียว นมล่ะชอบมองคนขาวๆ เพลินตาดี สงสัยเป็นเพราะอยู่กับคนผิวเข้มมาจนเบื่อจะแย่”

“อ้าว! นมเล่นมาบูลลี่กันต่อหน้าเลยนะ” แดนไทที่เดินมาสมทบหัวเราะเบาๆ ตามด้วยการยิ้มทักแขกแล้วหันไปถามปลายฝน “ทำไมไปรับนานนัก หรือว่าแวะที่ไหนก่อน”

“เรื่องมันยาวค่ะพี่แดน” ปลายฝนว่า ตามด้วยการบอกเพื่อน “นี่ไงพี่แดน เจ้าของไร่นี้”

น้ำปิงยกมือไหว้แดนไท อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ว่าเขาสมกับการเป็นเพื่อนของนายตำรวจคนนั้นเอามากๆ เฉดสีผิวเดียวกันเป๊ะๆ เพียงแค่หน้าตาของแดนไทดูไม่เข้มจัดเท่านายตำรวจหนุ่มนั่น

“ปิงฝากตัวด้วยนะคะพี่แดน ถึงจะไม่ได้มาพักที่นี่ แต่เราคงได้เจอกันบ้าง”

“ยินดีครับ”

“ส่วนนั่นน้องเดี่ยว ลูกชายพี่แดนจ้ะ” ปลายฝนยังแนะนำต่อ เด็กชายยกมือไหว้น้ำปิงแล้วตรงเข้ากอดแขนปลายฝน

“น่ารักจัง อยู่ชั้นไหนแล้วลูก” น้ำปิงลูบศีรษะน้องเดี่ยวอย่างอ่อนโยน

“อนุบาลหนึ่งค้าบ” เด็กชายตอบ แล้วซบหน้าลงบนท่อนแขนของปลายฝน

“ดูท่าจะติดอาปลายมากเลยนะเนี่ย” น้ำปิงตั้งข้อสังเกตตามที่เห็น

“หูย ติดมากเลยค่ะ คุณปลายช่วยดูแลน้องเดี่ยวอย่างดี เด็กติดใจ” นมเป่งชิงเล่า ตามด้วยการหันไปถามปลายฝน “แล้วนี่คุณปลายจะย้ายไปอยู่กับคุณปิงเมื่อไหร่คะ นมแอบใจหายรอแล้วนะ”

“ปลายเก็บของเตรียมไว้บ้างแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้อาจจะย้ายไปเลยค่ะนมเป่ง”

“พรุ่งนี้! ทำไมรีบไปจัง” หญิงสูงวัยถามเสียงอ่อย ใบหน้าเศร้า

“ปลายจะได้จัดของพร้อมๆ กับปิงไปเลยไงคะ แบ่งห้องแบ่งตู้ง่ายดี เผื่อต้องซื้อของเข้าจะได้ค่อยๆ จัดการกันไปค่ะ อีกอย่างก็เกรงใจพี่แดน ปลายมารบกวนนานไปแล้ว”

“ใครว่าคะ เราอยากให้คุณปลายอยู่นานกว่านี้อีก จริงไหมคะคุณแดน” นมเป่งหันไปถามชายหนุ่มผู้พยายามตีหน้านิ่ง ทั้งที่เริ่มใจหาย

จะว่าไปการที่มีปลายฝนมาเดินป้วนเปี้ยนในบ้าน แถมระยะหลังยังช่วยดูแลน้องเดี่ยวด้วยนั้นเป็นเรื่องพิเศษสำหรับแดนไทไม่น้อย เชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่อยากให้ปลายฝนจากไปเช่นกัน แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเพื่อนเธอย้ายมาแล้ว เธอควรไปอยู่แฟลตพยาบาลตามที่คุยกันไว้ แดนไทจึงทำเสียงเข้มบอกแม่นมของตน

“ไม่ย้ายพรุ่งนี้ก็ต้องย้ายวันอื่นอยู่ดีแหละนมเป่ง เพื่อนมาแล้วปลายเลยต้องไปอยู่ด้วยกันตามที่ตกลงกันไว้ เออจริงสิ! ผมลืมบอกนมว่าเย็นนี้ผมชวนไอ้ยุทธ์มากินข้าวด้วยกันนะ พอดีมันต้องเอาโน้ตบุ๊กที่ยืมไปมาคืนอยู่แล้ว ผมเลยชวนร่วมโต๊ะซะเลย”

“อุ๊ย! ดีๆ ค่ะ กินหลายๆ คนสนุกดี ผู้กองแกน่ารักมาก นมเอ็นดูอยู่แล้ว เคยนึกอยากให้มาชิมฝีมือนมสักหน่อย วันนี้ได้โอกาสละ”

“ผู้กองยุทธ์เหรอคะ” ปลายฝนถาม แดนไทถึงกับขมวดคิ้ว นี่เธอรู้จักหนุ่มหล่อทุกคนในสุพรรณเลยหรืออย่างไร

“ปลายรู้จักเพื่อนพี่ด้วยเหรอ”

“เพิ่งรู้จักตะกี้นี้เอง”

ปลายฝนเล่าเหตุการณ์บนถนนให้ฟัง แทนที่แดนไทจะสนใจว่าเพื่อนอุตส่าห์ช่วยเธอ แถมพาไปหาช่างที่ไว้ใจได้ แต่เขากลับพุ่งประเด็นไปยัง...

“ว่าแล้วเชียว เกิดอุบัติเหตุจนได้ บอกให้ขับระวังๆ หน่อย แบบนี้ไงพี่ถึงได้เป็นห่วงน่ะ”

“แต่เด็กนั่นมันขับตัดหน้าปลายนะพี่แดน อย่างที่เล่าอะ” ปลายฝนโวย นึกโมโหวัยรุ่นคนนั้นที่ทำให้เธอเสียประวัติการขับรถ เสียหน้ากับแดนไทอีกต่างหาก

“ไม่รู้แหละ ถ้าขับเก่งก็คงเบรกทันมั้ง หรือไม่คงตัดสินใจหลบให้ถูกจังหวะกว่านี้”

ปลายฝนเริ่มหน้างอ หยุดการสนทนาลง น้ำปิงรู้ใจ รีบไกล่เกลี่ย

“จะว่าปลายขับไม่ดีก็ไม่ถูกนะคะพี่แดน ปิงอยู่ในเหตุการณ์รู้เลยว่าไอ้เด็กนั่นขับตัดหน้ากระชั้นชิดสุดๆ เทวดาที่ไหนก็หลบไม่ทันหรอกค่ะ”

พอเห็นว่าบรรยากาศการพูดคุยเริ่มเข้มข้นเคร่งเครียด นมเป่งรีบตัดบท

“เอาละๆ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะคะคุณปลาย รถมีประกันชั้นหนึ่งไม่น่ามีปัญหา เอาเป็นว่าคุณๆ ไปนั่งเล่นบนเรือน รอเวลากินข้าวดีกว่าค่ะ นมขอตัวไปจัดการให้เด็กๆ เตรียมสำรับ อีกสักพักคุณผู้กองคงมาถึงแล้วใช่ไหม”

“ใช่ครับนม ผมนัดไว้หกโมงเย็นน่ะ”

นมเป่งกุลีกุจอเดินนำเข้าบ้านไป ฝ่ายปลายฝนรีบบอก

“ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย ปลายขอขึ้นไปเก็บของต่อให้เสร็จ พรุ่งนี้ตอนขนย้ายจะได้ไม่ตกหล่น”

ว่าแล้วสองสาวจึงเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แดนไทจูงลูกชายซึ่งเริ่มเกิดอาการซึมๆ หลังจากฟังผู้ใหญ่คุยกันว่าปลายฝนจะย้ายออกในวันพรุ่งนี้ คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแล้วว่า

“ไม่เป็นไรนะน้องเดี่ยว อาปลายย้ายออกไปก็จริง แต่จะกลับมาหาเราเป็นบางวัน”

“แต่เดี่ยวอยากให้อาปลายอยู่ที่นี่ทุกวันเลย”

“ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก อาเขาต้องไปพักกับเพื่อน ไปทำงานด้วย ถ้าพักที่โรงพยาบาลจะสะดวกกว่ามาก น้องเดี่ยวของพ่อเก่ง เข้าใจง่ายอยู่แล้วใช่ไหม”

“ตอนนี้ไม่ได้ แล้วตอนไหนจะอยู่ตลอดไปได้ล่ะครับ” คำถามจากเด็กฉลาดช่างคิดในทุกคำที่พ่อพูดนั้น เล่นเอาแดนไทต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะตอบได้

“เอ่อ...พ่อยังไม่แน่ใจนะ แต่จะพยายามอ้อน ขอให้อาปลายเขาอยู่กับเราให้ได้ พ่อสัญญา”

แดนไทเผลอให้คำมั่นกับลูกชาย ทั้งที่ไร้ความมั่นใจว่าจะทำได้ แต่เมื่อบอกลูกไปแล้วเขากลับรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง คล้ายปลอบใจตัวเองว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะชนะใจปลายฝนได้

นาทีนี้ต้องยอมรับแล้วว่าเขาชอบเธอ อยากได้เธอมาร่วมชีวิต แต่คงต้องค่อยๆ ก้าวไปทีละนิดอย่างมั่นคง เพราะต้องยอมรับว่าทั้งคู่ต่างมีบาดแผลที่ต้องใช้เวลาสมาน

สองพ่อลูกยังคงนั่งเล่นตรงระเบียงหน้าบ้านต่อ ท่ามกลางบรรยากาศเหงาๆ แดนไทรู้สึกใจหายเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้

----------

“ดีแล้วที่แกรีบย้ายออกไปจากที่นี่น่ะ อีตาเจ้าของไร่เผือกนี่ก็เผือกสมชื่อ ดูวุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการไปทุกเรื่อง แถมชอบติแกอยู่เรื่อย ฉันว่าแกขับรถออกจะเก่ง” น้ำปิงเอ่ยปากเข้าข้างเพื่อนสุดตัวขณะช่วยกันเก็บของอยู่บนห้อง

ปลายฝนอมยิ้ม ขนาดน้ำปิงเพิ่งเห็นฝีมือการขับรถของเธอยังออกปากชม แสดงว่าเธอขับพอใช้ได้แล้ว หญิงสาวเริ่มอารมณ์ดีจนเผลอออกปากเข้าข้างเจ้าของไร่หนุ่ม

“อืม แกอย่าไปสนใจมากเลย พี่แดนน่ะนิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ ฉันโกรธจนเลิกโกรธไปแล้ว พยายามคิดว่าพี่แกหวังดี”

“หวังดีแบบบ้าอำนาจนิดๆ ว่างั้น ตะกี้ยังให้นมเป่งมาบอกว่าคืนนี้ให้ฉันพักกับแกที่ไร่เลย พรุ่งนี้เช้าค่อยไปโรงพยาบาลพร้อมกัน ชอบคิดแทนคนอื่นเนาะ” น้ำปิงวิจารณ์ตามที่คิด

“จริง พี่แดนเป็นแบบนี้แหละ แต่ที่ฉันไม่ค้านเพราะเห็นว่าแกควรค้างที่นี่เหมาะกว่า มันค่ำมากแล้วด้วย”

“อืม ตามนั้นแหละ จะว่าไปแกดูสนิทกับทุกคนที่นี่มากเลย ดูมีความสุขในบ้านหลังนี้ ไม่รู้ว่าฉันมาขัดความสุขแกหรือเปล่า” น้ำปิงบอกความในใจออกไปตรงๆ

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะปิง แกจำไม่ได้เหรอ ที่ฉันเคยเล่าว่าทีแรกน่ะ พี่แดนไม่ยอมให้ฉันมาอยู่ด้วยซ้ำ นี่ถ้าไม่มีเรื่องยายรสามาราวีถึงโรง’บาลพี่แดนคงไม่ชวนฉันมาพักที่นี่หรอก ฉันยอมรับนะ ว่าอยู่บ้านในไร่แบบนี้สบายดี แต่ก็ต้องเกรงใจเจ้าของบ้านด้วย อีกอย่างฉันว่าพักที่แฟลตกับแกน่ะ เริ่ดสุดแล้ว ได้อยู่กับแกแบบชิลๆ แถมยังไม่ต้องลำบากเดินทางไปทำงานอีกต่างหาก”

“ฉันหวังว่าเราสองคนจะเริ่มต้นสิ่งดีๆ ที่นี่นะ” น้ำปิงเอ่ยเบาๆ ราวกับให้กำลังใจตัวเองไปด้วย

“แน่นอนสิแก ของฉันน่ะ อีกไม่นานพี่รุตก็ย้ายไปทางใต้แล้ว จะได้อยู่ในโรง’บาลแบบสบายใจซะที ส่วนแกก็ไม่ต้องทนอยู่โรง’บาลเดียวกับนภ เราสองคนวินๆ กันทั้งคู่ ต้องดีแน่ๆ เอาเป็นว่าวันไหนว่าง เราไปไหว้ขอพรหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์กันนะ ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆ ไงล่ะ” ปลายฝนใช้หลักว่าการคิดบวกจะนำเรื่องบวกๆ เข้ามา

“อืม ฉันอยากไปไหว้พระอยู่เหมือนกัน ไว้หาเวลาไปกันเนอะ”

 

ติดตามต่อในฉบับเต็มทั้งแบบ หนังสือเล่ม และ อีบุ๊ก

 
 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com