ทดลองอ่าน ฝากรักไว้ที่ปลายฝน : ตอนที่ 13

 

 

ตอนที่ 13

 

 

“ปลายมีเสื้อแขนยาวไหม ไปใส่ซะ แล้วออกไปไร่เผือกกับพี่”

คำสั่งเสียงเข้มขรึมนั้นไม่ได้ทำให้ปลายฝนเกรงกลัวแต่อย่างใด พออยู่ในบ้านแดนไทมาได้สักระยะเธอก็รู้แล้วว่าเขาน่ะชอบเก๊กดุ หน้าตาบึ้งตึงตลอดเวลา ปลายฝนหวังว่าเขาจะทำไปเพื่อให้คนงานยำเกรง ไม่ใช่เพราะว่าไม่พอใจที่เธอมาอาศัยอยู่ด้วย

“สั่งให้ไปทำไร่เนี่ย ถามปลายหรือยังว่าว่างหรือเปล่า ช่วงบ่ายวันหยุดแบบนี้ปลายอยากทำธุระส่วนตัวอะไรไหม” หญิงสาวประท้วงอีกตามเคย อันที่จริงเธอเริ่มชอบการไปไร่ แต่ที่ไม่ชอบคือไอ้การที่เจ้าของไร่ชอบบังคับกันนี่แหละ

“ไม่รู้ละ บ่ายๆ แดดเริ่มอ่อนขนาดนี้ เราไปไร่กันก่อนดีกว่า เร็วสิ ไปใส่เสื้อแขนยาวแล้วเดินตามมาเลย พี่ไปรอข้างล่างนะ”

แดนไทผละจากไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาได้ยินไหม ที่เธอบ่นเบาๆ ว่า

“เผด็จการ!”

เปลี่ยนเสื้อเสร็จปลายฝนเห็นเจ้าของไร่ไปยืนรออยู่นอกบ้านแล้ว เธอซอยเท้าถี่ๆ แทบเป็นวิ่งไปหาเขา แต่เมื่อได้สังเกตเห็นใบหน้าซึ่งออกจะ ‘วอก’ เล็กๆ เพราะการทาครีมกันแดดแบบลวกๆ ของแดนไทแล้ว หญิงสาวถึงกับขำจนหัวเราะพรืด

“หัวเราะอะไร” แดนไทถามเสียงเขียว

“มาค่ะพี่แดน เดี๋ยวปลายช่วย”

บอกเขาแล้วหญิงสาวจึงไปยืนเผชิญหน้ากับแดนไทในระยะประชิด เอื้อมมือไปลูบบนใบหน้าคมเข้มที่ตอนนี้ครีมกันแดดได้ทำลายความหล่อไปเกินครึ่ง มือเรียวช่วยไล้ไปมาเบาๆ เพื่อให้เนื้อครีมซึมซับลงไปในผิว เมื่อทำจนทั่วหน้าแล้วจึงเพิ่งสังเกตว่าใบหน้าชายหนุ่มแดงซ่านจนทำให้ผิวที่เข้มอยู่แล้วดูเข้มจัด ปลายฝนหัวเราะเบาๆ อดคิดไม่ได้ว่านี่ไม่สมกับเจ้าของไร่หนุ่มผู้ห้าวหาญเลย

เขินจนหน้าแดงก็เป็นด้วย!

“ไปกันได้แล้ว”

ออกคำสั่งเสร็จแดนไทรีบเดินนำมุ่งตรงสู่ไร่เผือก สองหนุ่มสาวไม่ทันสังเกตเลยว่าระหว่างที่ปลายฝนจัดการกับครีมกันแดดบนใบหน้าให้ชายหนุ่มจนเกิดซีนที่คล้ายซีนหวานๆ นั้น แววตาของหญิงสาวข้างบ้านที่แอบมองอยู่เปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจเพียงใด

----------

เมื่อแดนไทและปลายฝนเดินมาถึงโรงเพาะชำกล้าเผือก เสียงใสของสาวน้อยคนหนึ่งดังขึ้น

“ดีใจจัง วันนี้คุณแดนมาดูงานที่โรงเพาะเองเลย ไลกำลังจัดการให้คนงานเอาต้นกล้าไปลงดินค่ะ ต้นกำลังสวยเชียว เตรียมร่องเตรียมดินไว้เรียบร้อยหมดแล้วค่ะ”

วิไลไม่พูดเปล่า เดินเข้าไปประชิดตัวแดนไท ปลายฝนมองหญิงสาวอย่างรู้ทันว่าพยายาม ‘เอาหน้า’ อยู่ ที่สำคัญการแต่งตัวของวิไลนั้นดูอย่างไรก็ไม่เหมาะกับการทำงานในไร่เอาเสียเลย ไม่อยากเชื่อว่าแดนไทจ้างคนแบบนี้มาช่วยคุมงาน

สาววัยใสสวมเสื้อกล้ามสีส้มสดรัดติ้วโชว์เนินอก กางเกงยีนขาสั้นนั้น สั้นจนแทบปิดแก้มก้นไม่มิด ยิ่งกว่านั้นแววตาที่วิไลมองมายังปลายฝนไม่ปกปิดความเกลียดชังไว้เลย เธอไปทำอะไรให้ ทำไมต้องมาทำกิริยาเช่นนี้

“อันที่จริงปล่อยให้ลุงแถบทำก็ได้ หน้าที่คุมคนงานไม่ใช่หน้าที่เธอนะวิไล บอกแล้วไงว่าให้เน้นเรื่องบัญชี ทำงานให้มันตรงหน้าที่หน่อย” แดนไทออกปากเสียงเข้มจนวิไลหน้าเจื่อน

“ก็วันนี้ลุงแถบไม่ค่อยสบายนี่คะ แหม! ไลอุตส่าห์ปลีกตัวมาช่วยงานทางนี้ แทนที่จะได้คำชมจากคุณแดน กลายเป็นโดนดุซะนี่ ไลน้อยใจแล้วนะ”

อาการกระเง้ากระงอดของเด็กสาวทำเอาปลายฝนเผลอขยับตัวออกห่างจากแดนไทนิดหนึ่ง วิไลขู่ฟ่อราวกับจงอางหวงไข่ อยากบอกนักว่าเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ไม่เห็นหรือไงว่าปลายฝนระวังตัวเป็นที่สุด พยายามรักษาระยะห่างกับแดนไทตลอดเวลาที่มาอาศัยในบ้านไร่นี้

“มาน้อยจงน้อยใจอะไร เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว” ดุวิไลแล้วแดนไทก็หันไปบอกคนงานในโรงเรือนทุกคน “วันนี้อยู่กันครบ ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะ นี่คุณปลาย เป็นน้องสาวเพื่อนสนิทฉันเอง คุณปลายมาพักที่บ้านปีกไม้ชั่วคราว แต่ก็อย่างที่เห็นแหละ วันไหนว่างฉันจะพาคุณปลายเข้าไร่ เรียนรู้การปลูกเผือกไปด้วย ที่ผ่านมาแค่พามาเดินโฉบๆ แต่ต่อไปอาจจะให้ลงมือช่วยทำโน่นนี่ หรือคุมคนงานบ้าง เลยอยากแนะนำเป็นทางการไว้”

“มือไม้แบบนั้น จะทำอะไรได้ ชิ!” วิไลแทรกขึ้นมา เห็นอาการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแดนไทแล้วปลายฝนอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมวิไลถึงกล้าทำขนาดนั้น

“ปลาย มาทางนี้ เดี๋ยวพี่พาไปดูเขาลงกล้าเผือก จำได้ใช่ไหม วันก่อน ที่เคยพาไปดูต้นกล้าน่ะ ส่วนหนึ่งซื้อมา บางส่วนเราเพาะเอง ทีนี้พอหน่อพันธุ์ขนาดพอเหมาะ เตรียมดินที่จะลงพร้อมแล้วเราก็เอาไปปลูกได้เลย ส่วนมากปลูกกันบ่ายๆ ไปจนเย็น แดดจะได้ไม่จัด ปลูกเสร็จก็ช่วงกลางคืนพอดี ต้นกล้าจะได้ไม่เฉา”

แดนไทอธิบายละเอียดพร้อมเดินนำออกจากโรงเพาะชำ เลิกสนใจเด็กสาวไปในทันที

“แบบนี้นี่เอง ปลายกำลังนึกสงสัยเลยว่าทำไมไม่ปลูกกันแต่เช้า”

“ทำไร่ทำสวนก็มีกลยุทธ์ไม่แพ้อาชีพอื่น”

“จริงค่ะ แค่มาอยู่ไม่นาน ปลายยังนับถือคนทำไร่ทำสวนเลย เทคนิคเพียบ ไม่ใช่จะทำไปแบบมั่วๆ ได้”

“เห็นระยะห่างของหลุมนั่นไหม ต้องพอเหมาะด้วยนะ ห่างกันสักหกสิบเซนฯ ให้ต้นกล้ามีที่ทางได้เติบโต แล้วก่อนเอาต้นกล้าลง เราต้องใส่ปุ๋ยคอกลงไปในก้นหลุมก่อนด้วย”

ปลายฝนมองตามการทำงานของคนงานด้วยความสนใจ ที่ผ่านมาเธอแค่ชอบกินเผือก แต่ไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้น จนตอนนี้เริ่มรู้จักพืชชนิดนี้มากขึ้นแล้ว

เสียงโทรศัพท์มือถือแดนไทดังขึ้น เขาคุยสักครู่จึงหันมาบอกปลายฝน

“มีลูกค้ามาหาที่ออฟฟิศ พี่จะแวะไปแป๊บหนึ่ง ปลายรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่มา”

“ปลายขอลองปลูกเองบ้างได้ไหมคะ” ปลายฝนถามด้วยความตื่นเต้น ที่ผ่านมาเธอเห็นต้นเผือกที่เติบโตสมบูรณ์จนให้ผลผลิต เห็นการขุดเผือกหัวสวยๆ ขึ้นมา และคราวนี้เธอจะได้เห็นว่าต้นทางของผลผลิตดีๆ นั้นเริ่มอย่างไร

“ได้สิ เดี๋ยวพี่บอกคนงานไว้ให้ ทำแค่พอรู้ แก้เบื่อก็พอ ไม่ต้องลุยจริงจังนักหรอก”

แดนไทหันไปสั่งคนงานแล้วเดินจากไป ปลายฝนลงไปช่วยคนงานยกต้นกล้าลงหลุมที่เตรียมไว้แล้วกลบ กำลังทำงานเพลินๆ วิไลก็โผล่มาจากไหนไม่รู้

“ชิ! นางงามสร้างภาพชัดๆ เลย”

เด็กสาวค่อนขอด แล้วตามด้วยตรงเข้ามารั้งแขนปลายฝนไปคุยกันใต้ร่มไม้ไกลออกไป แต่แรกปลายฝนคิดจะฝืนไม่ไปด้วย แต่มาคิดดูเธอก็กำลังเริ่มร้อนแดดจนหน้าจะมืด จึงเดินตามวิไลไป ถือว่าได้พักแล้วยังอาจจะได้ฟังข้อมูลแปลกใหม่ในไร่จากวิไลด้วย เพราะที่ผ่านมาเธอรู้จักแดนไทจากการบอกเล่าของเจ้าตัวเป็นส่วนใหญ่ อยากลองฟังจากปากคนอื่นบ้าง

“มีอะไรถึงกับต้องลากตัวฉันมาขนาดนี้”

ปลายฝนทำเสียงแข็งใส่ ไม่อยากให้วิไลเกิดอาการกำเริบเสิบสาน คิดจะทำอะไรกับแขกของแดนไทก็ได้เช่นนี้

“ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”

แม้เห็นชัดๆ ว่าวิไลอายุน้อยกว่า แต่เจ้าหล่อนกลับแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ กับปลายฝนอย่างไม่เกรงใดๆ ดูท่าเด็กสาวคนนี้จะไม่ธรรมดา

“ก็พูดมาเลยสิ ฉันจะรีบไปทำงานต่อ”

“ฉันเป็นเมียคุณแดน”

ประโยคเดียวเท่านั้น ทำเอาปลายฝนถึงกับมึนเหมือนโดนหมัดกระแทกเข้าหน้าเต็มๆ เธอเกลียดที่สุดคือการฟังผู้หญิงประกาศตัวว่าเป็นเมียใครสักคน ประสบการณ์ร้ายในงานแต่งของตนทำเอาเข็ดขยาด ถึงขั้นหวาดกลัวเลยก็ว่าได้ แม้แดนไทจะไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดกับปลายฝน แต่เธอยังอดขนหัวลุกไม่ได้ พยาบาลสาวตั้งสติก่อนถามเสียงเรียบ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”

“ก็ไม่รู้สินะ แค่อยากบอกไว้ก่อน ว่าอย่ามายุ่งกับคุณแดน ถ้าไม่เคยรู้ก็รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันน่ะเป็นเมียเก็บคุณแดนตั้งแต่เขามีเมียคนแรกแล้ว คุณไข่มุกน่ะ รู้จักหรือเปล่า คุณไข่มุกผู้บอบบางตามฉันไม่ทันหรอก ผัวมีเมียน้อยยังไม่รู้เลย”

ปลายฝนถึงกับอึ้ง จริงอยู่ที่เธอไม่ควรเชื่อคำพูดคนอื่นง่ายๆ แต่กิริยาท่าทางโอหังของวิไลทำเอาอดคิดไม่ได้ว่า...หรือจะจริง?

ถ้าเป็นการแสดงละครละก็ ถือว่าวิไลตีบทแตกเลยทีเดียว

“ปลาย มาทำอะไรตรงนี้” เสียงแดนไทแทรกขึ้นมา วิไลถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าซีดเผือด มือที่เท้าสะเอวอยู่รีบลดลงทันที

มันจะไม่เนียนก็ตรงนี้แหละ อาจจะด้วยความอ่อนประสบการณ์ของวิไลทำให้ปลายฝนรู้ทันว่าเรื่องเล่าที่เพิ่งจบนั้นคงหามูลความจริงแทบไม่ได้

“พอดีปลายเหมือนจะเป็นลมแดดน่ะค่ะ วิไลเลยพามาพักใต้ร่มไม้ ขอบใจนะวิไล เธอไปได้แล้ว”

วิไลถึงกับหน้าเหวอกับการแก้สถานการณ์ของปลายฝนซึ่งเหนือชั้นกว่า แถมด้วยการผลักให้วิไลอยู่ใต้อำนาจได้อย่างแนบเนียน สาวน้อยกัดฟันกรอด ก่อนเอ่ยเบาๆ

“ไลไปก่อนนะคะคุณแดน”

พอสาวน้อยลับตาไป แดนไทจึงบอก

“อย่าไปสนใจเลยนะ วิไลพูดอะไรต้องฟังหูไว้หู พี่อึดอัดกับเด็กคนนี้พอสมควร ติดที่ว่าพ่อแม่แกเป็นคนงานเก่าแก่ของไร่ตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อพี่ ถึงแม้พ่อแม่แกจะตายไปแล้ว แต่เราก็ไม่ใจดำขนาดจะไล่ให้ออกไปจากบ้านพักทันที เลยต้องให้อาศัยอยู่ ระหว่างหางานในบริษัทตามที่แกอยากทำ แต่ก็ยังไม่ลงตัวเสียที ช่วงนี้เลยให้ช่วยทำบัญชีไปพลางๆ ทั้งที่เรามีฝ่ายบัญชีอยู่แล้ว"

“พี่แดนไม่เห็นต้องอธิบายละเอียดขนาดนี้เลย ร้อนตัวหรือเปล่าคะเนี่ย”

ปลายฝนหรี่ตา พยายามจับสังเกตอีกฝ่ายเต็มที่

“เปล่า พี่แค่ไม่ชอบให้คนเข้าใจผิดว่าพี่แอบเลี้ยงสาวๆ ในไร่ไว้เพราะชอบพอหรืออะไร เอาเป็นว่าพี่ขอพูดแค่นี้แหละ เชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เรากลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้นมเป่งเตรียมข้าวเย็นเสร็จแล้วมั้ง”

 

 

**เปิดจองเล่ม ตั้งแต่วันนี้ - 15 กันยายน 2568
พร้อมของแถมที่คั่น + โปสการ์ดลายปก + ส่งฟรี
 

รายละเอียดสั่งจอง (คลิก)

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com