ทดลองอ่าน ฝากรักไว้ที่ปลายฝน : ตอนที่ 7

 

 

ตอนที่ 7

 

 

นี่หรือคือ ‘น้องปลาย’ คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก

แดนไทถึงกับตะลึงเมื่อในช่วงบ่ายปลายฝนเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบไม่ใหญ่นัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเธอในชุดปกติทั่วไป ไม่ใช่ชุดเจ้าสาวและชุดพยาบาลเช่นที่ผ่านมา

ปลายฝนสวมเดรสยาวเสมอเข่าลายดอกเดซี เธอดูน่ารักสดใสมาก ผมยาวถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย ดวงตากลมโตยังเป็นจุดเด่นที่สุดบนใบหน้า แล้วตอนนี้ดวงตานั้นยังบอกอย่างโจ่งแจ้งถึงความไม่พอใจ ไม่เต็มใจมาที่บ้านไร่นี้สักนิด

แดนไทคิดไว้ตั้งแต่ลืมตาตื่นว่าวันนี้เขาจะใจเย็นๆ จะขอโทษที่เคยปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใยมาตั้งแต่ต้น จะพยายามทำดีกับปลายฝนเพื่อชดเชยในสิ่งที่เขาพลาดไป แต่เมื่อเห็นแก้มด้านซ้ายอันช้ำบวมของหญิงสาวแล้ว เขาก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา จนเผลอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“นั่งก่อนสิ ขอคุยด้วยหน่อย”

ชายหนุ่มคิดขึ้นได้ว่าวันแรกที่ปลายฝนจะเข้ามาพักในบ้านหลังนี้ เขาสมควรทำการปฐมนิเทศอย่างยาวสักหน่อย ขอปรับทัศนคติสาวน้อยคนนี้เสียใหม่

แดนไทแอบขัดตากับภาพลักษณ์ของพยาบาลสาวในวันนี้เล็กน้อย เธอตั้งใจสวยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ภาพรวมนั้นปลายฝนดูสวย บอบบางเกินไป ดูอ่อนโยนและดึงดูดความสนใจเกินไปอีกต่างหาก แค่ย้ายเข้าบ้านเพื่อนพี่ชาย เธอต้องดูดีขนาดนี้เลยเหรอ

แต่ก็นั่นแหละนะ เขาพอจะรู้อยู่ว่าปลายฝนหน้าตาดีขนาดที่เคยถูกอาขอร้องให้ไปประกวดนางสาวเชียงใหม่ เธอคงติดนิสัย ‘นางงาม’ มาไม่มากก็น้อย จะบอกว่าดูเป็นลูกคุณหนูเกินเหตุไปนิดก็ใช่ นี่ใจคอเธอจะไม่เหลือเค้าเด็กหญิงปลายฝนแสนซนคนเดิมไว้บ้างเชียวหรือ

คิดถึงตรงนี้แล้วแดนไทจึงเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมา คอยดูเถอะ! เขาจะปรับจนคุณหนูปลายฝนกลายเป็นสาวขาลุยกลางบ้านไร่ให้ได้

ชายหนุ่มตีขรึมขณะเดินนำไปจนถึงเก้าอี้หวายรับแขกซึ่งมีเบาะผ้าฝ้ายนุ่มๆ ทำเป็นทั้งที่รองนั่งและพนักพิง เมื่อทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันแล้วเขาจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“ปลายจำพี่ได้แล้วใช่ไหม” เขาเริ่มจากการเหน็บ ที่ผ่านมาตอนเจอกันในโรงพยาบาล จนเขาช่วยแยกเธอมาจากรสาไม่ให้โดนด่า อุตส่าห์พาออกจากสถานการณ์เลวร้ายเดินไปด้วยกันจนเขาจัดการเรื่องห้องพิเศษให้น้องเดี่ยวเสร็จ หากปลายฝนกลับไม่พูดอะไรสักคำ พอลูกชายเขาได้เข้าพักในห้อง เธอรีบแยกตัวหายไปตอนไหนยังไม่รู้เลย

“อันที่จริง...ปลายจำพี่แดนได้ตั้งแต่เจอกันที่งานแต่งแล้วค่ะ ปลายจำได้ดี แต่วันนั้นเราไม่มีโอกาสคุยกัน ส่วนที่เจอกันในห้องฉุกเฉิน ปลายก็รู้ว่าเป็นพี่แดน แต่ปลายมีเรื่องน่าอับอายเยอะมาก ตั้งแต่โดนบุกทำลายงานแต่ง แล้วยังโดนราวีในเรื่องเดิมๆ ทั้งที่ปลายไม่ได้ทำผิดสักนิด เจอพี่แดนแต่ละครั้งสถานการณ์มันแย่ๆ ทั้งนั้น ปลายเลยตัดสินใจทำเป็นไม่รู้จัก ไม่ทักพี่ไปก่อน ปลาย...ขอโทษค่ะ”

เสียงสั่นๆ ของหญิงสาวนั้นบีบหัวใจแดนไทนัก เขาต้องยั้งตัวเองไม่ให้ตรงเข้าไปกอดปลอบขวัญ ทำแค่ยื่นมือไปแตะบ่าบอบบางเบาๆ

“เอาละๆ เลิกพูดถึงมันไปก่อน เอาเป็นว่าพี่เข้าใจปลายทุกอย่าง เชื่อว่าถ้าปลายรู้ว่าไอ้หมอนั่นมีเมียแล้ว ปลายไม่มีทางยอมแต่งงานกับมันแน่ พี่รู้จักปลายดี ถึงจะไม่ได้เจอกันมากว่ายี่สิบปี แต่พี่ยังเชื่อว่าปลายคงไม่ได้เปลี่ยนไปขนาดนั้น”

แดนไทงงตัวเองมาก จากที่ตั้งใจจะสั่งสอนเสียให้เข็ด กลายเป็นว่าหัวใจเขาอ่อนยวบด้วยความสงสาร ลึกๆ ยังดีใจที่ได้ปลดล็อกเรื่องที่ปลายฝนอับอาย อยากให้เธอมีโอกาสอธิบายกับเขา จะได้ไม่ค้างคาใจ ชายหนุ่มสูดหายใจ เตือนตัวเองว่าเขาต้องพูด ต้องเอาให้จบ

“แต่พี่อยากขออะไรสักอย่างนะ พี่ขอน้องปลายคนเดิมกลับมาได้หรือเปล่า จำได้ไหม ตอนเด็กๆ ปลายเป็นคนสู้คนที่สุด ใครอย่าหวังจะมาขี้โกง ทำร้ายปลาย ปลายเป็นไม่ยอม ขนาดตอนที่พี่โดนเพื่อนอันธพาลบุกมาหาเรื่องถึงหน้าไร่ มันจะเอาไม้หน้าสามมาฟาดหัวพี่ ปลายยังช่วยพี่ เข้าไปกัดแขนมันจนต้องยอมปล่อยไม้ เลือดอาบแขนมันเลย จำได้หรือเปล่า”

“จำได้สิคะ ปลายก็ยังเหมือนเดิมแหละ แต่แค่สถานการณ์ในช่วงนี้แย่จนปลายตั้งตัวไม่ติด รสาจู่โจมเร็วมาก แต่ปลายไม่เคยคิดจะยอมแพ้หรอกค่ะ จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”

“ใช่! ถูกต้องเลย อย่าไปยอมมัน แต่ก็นะ พี่พอเข้าใจ ถ้าขืนตอบโต้กันไปมาก็ไม่ดีอีก เรื่องคงบานปลาย เอาเป็นว่าคนประสาทอย่างงั้น อยู่ห่างๆ ไว้ก่อนดีกว่า”

“จริงค่ะ ปลายอยากอยู่ห่างๆ มาตลอด ตอนแรกที่ย้ายมายังตั้งใจจะมาอยู่บ้านพี่แดนเนี่ยแหละ แต่พี่ปฏิเสธปลายไงคะ เลยต้องจำใจพักที่แฟลตไปก่อน สารภาพตามตรงว่าวันนี้ปลายไม่อยากมาเลยนะ แต่จนมุมเพราะพี่พงษ์บังคับหนักมากว่าต้องย้ายมาอยู่บ้านไร่นี่ ทั้งที่ปลายไม่อยากมารบกวนพี่จริงๆ ให้มาอยู่เฉยๆ ปลายเกรงใจ แต่จะให้ทำตัวเป็นประโยชน์อย่างทำไร่ปลายก็ไม่ชอบอีก ทำไม่ได้แน่ๆ”

“อ้าว! ถ้าพูดประเด็นไม่ชอบทำไร่ขึ้นมาแบบนี้พี่ยิ่งไม่ยอมใหญ่ ยังไงพี่ต้องบังคับให้ปลายมาพักที่นี่ให้ได้ ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด พี่จะฝึกให้คุ้นเคยจนรักบ้านไร่เลยล่ะ เผลอๆ จะให้ลองทำไร่ด้วยนะ พี่ไม่อนุญาตให้ไปอยู่ไหนแล้ว จนกว่าเพื่อนปลายจะย้ายมา เข้าใจไหม” แดนไทสรุปรวบยอด

“มีสิทธิ์อะไรมาบังคับคนอื่น” ปลายฝนเอ่ยเบาแสนเบา ยังไม่อยากยอมแพ้หนุ่มบ้านไร่ที่ท่าทางจะบ้าอำนาจใช่ย่อย

“พี่อยากบังคับ ใครจะทำไม เอาเป็นว่าปลายต้องพักในบ้านไร่ตั้งแต่คืนนี้เลย ห้ามเปลี่ยนใจ”

ปลายฝนถึงกับอ้าปากค้างกับการบงการชีวิตคนอื่นแบบไม่สนใจใครของแดนไท จากที่คิดไว้ว่าวันนี้จะลองชวนทะเลาะแล้วเลยเถิดจนเขาไล่เธอออกไป ไม่ให้พักด้วยแล้ว กลายเป็นเหมือนมีสายใยบางอย่างโอบรอบเธอกับแดนไทไว้ จะเถียงกันก็เถียงไม่สุด จะปฏิเสธเขา เธอยังทำไม่ลงอีก ด้วยท่าทีของแดนไทนั้นซ่อนความอารีไว้เต็มเปี่ยม ปิดไม่มิดจนเธอสัมผัสได้แบบไม่ต้องพยายาม

หนุ่มบ้านไร่ยังเอ่ยต่อ

“แต่พี่ขออะไรอย่างสิ สัญญากับพี่ก่อนว่าต่อไปนี้อย่ายอมให้ใครมาทำร้าย ไม่ว่าการกระทำหรือคำพูด ปลายต้องสู้ ต้องไม่ยอมนะ โดยเฉพาะเรื่องหมอรุตอะไรนั่น เราไม่ได้ผิดนี่นา”

“ค่ะพี่แดน อย่างที่บอกว่าวันก่อนปลายไม่ทันตั้งตัวจริงๆ แล้วเรื่องมันเกิดในที่ทำงาน ยิ่งเป็นโรงพยาบาลด้วย ปลายไม่อยากให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทรุนแรง แถมยังมีเหตุจากความหึงหวงไม่เป็นเรื่องอีก ปลายอับอายสุดๆ ไม่อยากเข้าไปอยู่ในสถานการณ์บ้าบอ ไม่อยากให้เรื่องบานปลายด้วย”

“ก็เลยยอมตั้งแต่โดนตบที่แฟลต โดนด่าในห้องฉุกเฉิน โดนเขาจับเขย่าขนาดนั้นโดยไม่โต้ตอบสักนิด พี่ว่าบางทีมันก็เกินไปนะ”

“ปลายยอมรับค่ะว่ามันดูอ่อนแอเกินไป ปลายจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้วค่ะ ปลายสัญญา” ปลายฝนบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น อยากให้แดนไทรู้ว่าเธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่เขาคิด

“ถ้ายายรสาอะไรนั่นมาราวีอีก พี่แนะนำเลยนะ ประกาศแม่งไปเลยว่าปลายไม่เคยยุ่งกับผัวมัน นี่ก็อุตส่าห์ออกมาพักนอกโรงพยาบาลไม่ให้เรื่องมันบานปลายแล้ว เราต้องชี้แจง เข้าใจไหม”

“ค่ะพี่แดน”

ปลายฝนไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมจึงแพ้ทางผู้ชายตรงหน้าคนนี้นัก ทั้งที่ความตั้งใจเดิมคือจะแข็งกร้าวตอบโต้ ให้แดนไทรู้ว่าเธอเองไม่ได้อยากมาพักที่นี่นักหรอก ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ได้เต็มใจตั้งแต่ต้น หากจำต้องมาก็เพราะความจำเป็นล้วนๆ เลย

“แล้วอีกอย่าง พี่ได้ข่าวว่าปลายคิดจะทำเรื่องย้ายหนีเหรอ เราไม่ผิด ไม่ต้องย้ายหรอก อยู่โรง’บาลนี้แหละดีแล้ว”

“อ๋อ เมื่อวานปลายโทร.คุยกับพี่พงษ์ ตอนนั้นกำลังหงุดหงิดน่ะค่ะก็เลยพลั้งปากไป แต่จริงๆ ปลายไม่มีทางย้ายหนีแน่นอน หมอศรุตนั่นแหละต้องรีบย้าย เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าอายอีก แล้วอีกอย่างคือปลายไปชวนเพื่อนชื่อน้ำปิงทำเรื่องย้ายตามมาที่นี่ด้วย พอดีน้ำปิงมีเรื่องนิดหน่อย อยากย้ายจากที่เดิมอยู่แล้ว เราเลยตกลงกันว่าจะมาเริ่มต้นชีวิตดีๆ ที่สุพรรณ เพราะถ้าเอาตามที่หมอศรุตเคยพูดไว้กับรสา เหมือนว่าเขาจะแต่งงานกันด่วนที่สุด แล้วหมอศรุตจะย้ายไปอยู่ทางใต้ ญาติๆ รสาอยู่ทางใต้เยอะ”

“ใครจะย้ายไปไหนก็เชิญ แต่ปลายต้องปักหลักอยู่ที่นี่แหละ แสดงตัวเลยว่าเราไม่แคร์ เรื่องนี้เราไม่ผิด เราจะทำงานในที่ที่เราอยากทำ ยิ่งถ้ามีเรื่องว่าไปดึงเพื่อนย้ายตามมาด้วยแล้ว ยิ่งต้องรับผิดชอบ”

“ค่ะพี่แดน”

“ดีมาก เราเคลียร์ใจกันแล้วนะ เอาเป็นว่าพี่ยินดีต้อนรับและขอโทษที่เคยปฏิเสธปลายในตอนแรก ทีนี้ก็เหลือแค่เอาของไปเก็บในห้องของปลาย อยู่ชั้นสอง ตรงข้ามกับห้องพี่ เดี๋ยวจะให้นมเป่งพาขึ้นไป เห็นว่าเสร็จงานครัว จะรีบมาต้อนรับ”

ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มมีรอยยิ้มจางๆ เมื่อพูดถึงหญิงสูงวัย

“ปลายจำนมเป่งได้ค่ะ แกคงยังแข็งแรงดีนะคะ”

“แข็งแรงมาก แล้วก็ตัวเป่งมากเหมือนเดิมแหละ กินเก่ง อารมณ์ดี อ้วนท้วนไปตามประสา แน่ะ! พูดถึงก็มาพอดี”

ร่างท้วมของนมเป่งปรากฏขึ้นตรงโถงกลางบ้าน เดินตรงมายังส่วนของห้องรับแขก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี

“น้องปลาย! แหม! ยิ่งโตยิ่งสวยนะคะเนี่ย ถ้านมไปเจอที่อื่นละก็ จำไม่ได้แน่นอน”

ปลายฝนลุกจากเก้าอี้ ยกมือไหว้นมเป่งแล้วตรงเข้าสวมกอดด้วยความคิดถึง

“นมยังเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่แก่ลงเลยสักนิด”

“พูดถูกใจจัง ดีใจที่คุณปลายจะมาอยู่บ้านนี้ด้วยกันนะคะ”

“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ เรียกน้องปลายเหมือนเดิมได้นะคะนม”

“ขอปรับเป็นคุณปลายดีกว่า เดี๋ยวนี้หนูไม่ใช่เด็กกะโปโลแล้ว เป็นถึงคุณพยาบาล นมขอเรียกให้เหมาะสมดีกว่านะคะ”

“งั้นแล้วแต่นมสะดวกเลยค่ะ”

“นมเป่งพาปลายไปที่ห้องสิ เตรียมพร้อมไว้หมดแล้วนี่” แดนไทเอ่ยแทรก

“พอคุณแดนสั่งปุ๊บ นมก็จัดการปั๊บ ให้เด็กไปเก็บกวาดห้องจนเรี่ยมเร้เรไรเลยละค่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะนม ขอบคุณค่ะพี่แดน”

ปลายฝนยกมือไหว้ทั้งนมเป่งและแดนไท ทำเอาชายหนุ่มรีบรับไหว้แทบไม่ทัน

“ไม่ต้องพิธีการอะไรมากมายหรอก ทำตัวตามสบาย อ้อ! เห็นไอ้พงษ์บอกว่าปลายขับรถไม่เป็น แบบนี้ตอนไปทำงานก็ต้องมีคนรับส่งสิ พี่จะให้ลุงหง่าคนขับรถทำหน้าที่นี้เอง”

“โอ๊ย! ได้ไงล่ะคะคุณแดน ไหนๆ คุณแดนก็ต้องออกไปส่งน้องเดี่ยวที่โรงเรียนทุกวันอยู่แล้ว ขับเลยไปอีกนิด ไปส่งคุณปลายเองไม่ดีกว่าเหรอคะ อีกอย่าง ถ้าจะให้ดีก็สอนคุณปลายขับรถซะเลย”

แดนไทรู้ทันแม่นมของตนเองดี นาทีนี้นมเป่งคงเริ่มเกิดพุทธิปัญญา วางแผนทำทุกวิถีทางให้เขากับปลายฝนได้สนิทสนมกัน เพื่อหวังผลจะหาแม่ให้น้องเดี่ยวในอนาคต นางจึงทั้งเชียร์และชี้ช่องจนออกนอกหน้าขนาดนั้น แต่อย่าหวังเลยว่าแดนไทจะยอมเอาตัวเข้าแลกกับความเจ็บปวดที่อาจต้องพบเจอ เขาเข็ดแล้ว...เข็ดจริงๆ นะ

“เอาเป็นว่าช่วงแรกๆ พี่ลองไปส่งปลายเองก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที” ในที่สุดก็เหมือนผีผลัก เขาลั่นออกไปว่าจะเป็นคนรับส่งปลายฝนได้อย่างไรไม่รู้

“รบกวนพี่แดนมากไป ปลายว่าปลายขึ้นรถสองแถวไปเองดีกว่า จำได้ว่ามีรถสองแถววิ่งระหว่างอำเภอเรากับตัวจังหวัดนี่คะ”

“อุ๊ย! อย่าเลยค่ะคุณปลาย นมว่าไม่สะดวกหรอก ไหนยังต้องมีอยู่เวรดึกๆ ดื่นๆ อีกไม่ใช่เหรอคะ ให้คุณแดนรับส่งน่าจะเหมาะแล้วแหละ”

“นมเป่ง! พาปลายไปที่ห้องได้แล้ว เรื่องอื่นผมจัดการเองน่า” แดนไททำเสียงเข้ม ซึ่งได้ผล นมเป่งนั้นทั้งรักทั้งเกรงใจเขา ไม่มีทางกล้าขัดคำสั่ง หญิงสูงวัยในชุดผ้าถุงลายไทยกับเสื้อคอกระเช้าจึงเร่งเดินนำแขกขึ้นบันไดไปในทันที

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com