ทดลองอ่าน บังบด : ตอนที่ 5

 

 

ตอนที่ 5

 

 

หนึ่งเดือนล่วงเลยไปพร้อมกับหน้าฝนที่เข้าปกคลุมพื้นที่ รุกข์ พนมไพรเอนกายอยู่บนเปลที่แขวนไว้ข้างหลังตึกที่ทำการอุทยานฯ ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยและเถาวัลย์พันเกี่ยว หอมกลิ่นดอกไม้ป่าโชยมาตามลมปะปนมากับเสียงลำธารสายยาวที่ลัดเลาะซอกหินโจนลงสู่อ่างเก็บน้ำใหญ่ที่ฟากหนึ่งของที่ทำการฯ ฝนที่เพิ่งหยุดตกใหม่ๆ เมื่อหัวรุ่งอากาศกำลังเย็นสบาย พิทักษ์ป่าหนุ่มกำลังพักเอาแรงเพื่อเข้าลาดตระเวนป่าอีกรอบ สองมือประสานอยู่ที่กลางอก ทาบทับสายสร้อยทำจากด้ายสายสิญจน์เก่า หากเหนียวแน่นพอจะห้อยวัตถุสีเหลืองอร่ามรูปร่างหงิกงอขนาดเท่าหัวนิ้วก้อยไว้ได้แน่นหนา

“หัวหน้า มาหลบอยู่นี่เอง”

“กูไม่ได้หลบ” เสียงตอบต่ำราวเสียงคำราม แต่ร่างกายไม่ยอมขยับเขยื้อน

“แล้วแอบมางีบหรือไงครับ”

ควับ!

“อุ๊ย!”

“เฮ้ย หัวหน้า เกือบฆ่าน้องใหม่แล้วไหมล่ะ” คมคายร้องลั่น ดีที่จับหัวไหล่บาง กระชากหลบวิถีบาทาของหัวหน้าได้ทัน รุกข์ผุดลุกขึ้น เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่เห็น ‘ผู้หญิง’ คนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ลูกน้อง ผู้หญิงผิวนวลเนียนเรืองลออ ใบหน้าเรียวเล็กหวานละมุน แต่ดวงตากลมโตวาววับราวกับตาลูกเสือน้อยในคืนเดือนมืด

“ขอโทษ” เขาพูดพลางยกมือขึ้นเสยผมที่เริ่มยาวไป ตาคมมองสบดวงตาโตคู่นั้น ดูเหมือนเจ้าหล่อนกำลังพยายามสะกดวาจาไว้อย่างยากลำบาก คงโมโหน่าดูที่เจอความหยาบของเขาเข้า ช่วยไม่ได้คนพามามันกวนอวัยวะเขาเอง เช้าๆ แบบนี้ด้วย

“หัวหน้าครับ ขอแนะนำน้องใหม่การเงินมาทำงานวันแรก ชื่อน้องอินถวาครับ”

อ้อ จำได้แล้ว แม่ดอกไม้ที่ไม่ใช่ดอกฟ้าที่อายอดพูดถึงเมื่อวันก่อนนี่เอง

“ทำไมไม่พาไปพบหัวหน้าอุทยานฯ ล่ะ” เขาเห็นคิ้วโก่งปานวาดขยับเล็กน้อย “นี่แค่ผู้ช่วย” เขาจิ้มหน้าอกตัวเอง ท่าทางเนือยและเหนื่อยเล็กน้อย แต่ดวงตาคมจัดจ้าน “โน่น ท่านหัวหน้าจริงอยู่สำนักงานหลังโน้น” เขาชี้มือบอก

“ท่านไปประชุมที่พิษณุโลก หัวหน้าจำไม่ได้หรือครับว่าใครรักษาการณ์”

“แล้วใครล่ะ” รุกข์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกน้องยิ้มเผื่อนๆ ก็กดนิ้วจิ้มหน้าอกตัวเอง “นี่อะนะ”

“ครับผม”

“แห่กันไปพิษณุโลกหมดสินะ ทุกทีสิน่า คมคายนายช่วยพาคุณ...”

“อินถวาครับ”

“อืม ช่วยพาไปให้สมรสอนงานให้ที”

“พี่สมรลาออกไปตั้งนานแล้วครับ ลืมอีกแล้ว”

“อุวะ ให้ออกไปได้ยังไงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คนใหม่มา อย่างนี้คนใหม่จะเรียนรู้งานได้ยังไงกัน” คนเป็นหัวหน้าหัวเสีย ท่าทางคมคายมันอ้าปากเตรียมจะเปิดโปงว่าลายเซ็นอนุมัติบนหนังสือลาออกนั่นเป็นของเขาเสียด้วยกระมัง

“แล้วนี่มีใครอยู่บนสำนักงาน”

“ไม่มีครับ อ้อ มีแม่บ้านอยู่คนครับ น้อยไง”

“อะไรกันเข้าป่าสองสามคืน คนหายหมด แล้วนี่ใครจะอธิบายงานให้” เขาปรายตามองร่างบางระหง ใจคิดว่าไม่เกินห้านาทีเจ้าหล่อนคงเผ่นหนีและทำสถิติเจ้าหน้าที่ที่ลาออกไวที่สุดแห่งปี แต่ผิดคาด เจ้าหล่อนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและมองสบตาเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบเย็น

“เรื่องงานให้ดิฉันลองทำดูก่อนก็ได้ค่ะ งานเอกสารกับบัญชีใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ คงต้องการความช่วยเหลือเพียงเท่านั้น งานลาดตระเวนเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ชายที่ชำนาญการ”

“ค่ะ อย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร ช่วยบอกทีว่าที่ทำงานของดิฉันอยู่ที่ไหน” ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่นั้นดูเหมือนจะเชิดขึ้นเล็กน้อย แต่เสียงหวานกังวานเฉียบขาดอยู่ในทีนั้นทำให้เกิดความเงียบงันขึ้น รุกข์หันมาพิจารณาหล่อนอีกรอบ หล่อนมีผิวขาวเหลืองละเอียดนวลเนียนสมชื่อ รูปร่างบอบบางดูเรียบร้อยในกางเกงสีสุภาพกับเสื้อเชิ้ตที่ติดกระดุมถึงข้อมือกลมกลึง สวมรองเท้าส้นเตี้ยแบบเรียบแต่ราคาคงไม่น้อย ผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำหยักศกถูกมัดรวบตึงเปิดใบหน้าผุดผาด หล่อนคงไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ หรือหากทำก็คงเป็นการบรรจงแต่งที่เนียนกลมกลืนดียิ่งนัก

“สวัสดีครับ ผมชื่อรุกข์ พนมไพร เป็นผู้ช่วยหน่วยพิทักษ์ป่าที่นี่ แต่พวกนี้เขาติดปากเรียกหัวหน้า” ความศิวิไลซ์ของหล่อนทำให้เขาปรับกริยาของตนเสียใหม่

“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่ออินถวา ไตรรัตน์ค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้อีกฝ่าย เดาได้ไม่ยากนักว่าเขาคงจะมีวัยวุฒิมากกว่าตน รุกข์เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยทั่วไป ผิวกายเนียนละเอียดไม่ดำคล้ำ แม้จะไม่ขาวจัดอย่างคนในเมืองแต่เกลี้ยงเกลาสะอาดตา ผมเผ้าคงไม่ได้โดนกรรไกรมาหลายสัปดาห์มันจึงปรกหัวคิ้วจนเขาต้องคอยเสยอยู่บ่อยครั้ง คิ้วเข้มทำให้ใบหน้าดุดัน แถมยังปกคลุมด้วยหนวดเคราที่เขาคงคิดอนุรักษ์ไว้พอๆ กับอนุรักษ์ป่าผืนนี้กระมัง

“เชิญทางนี้” เขาผายมือแล้วออกเดินนำ คมคายค่อยใจชื้นขึ้นที่เห็นหัวหน้าดูมีอารยะกับผู้หญิงขึ้นมาบ้าง

ต้องง้อคนสวยหน่อยล่ะสิ ใครจะอยากทำบัญชีวะ

ทั้งสามเดินเลี้ยวกลับเข้าไปในตึกที่ทำการอุทยานฯ ที่ค่อนข้างเงียบเหงา ห้องทำงานของอินถวาอยู่ปีกด้านซ้ายบนตึกไม้กึ่งปูนสองชั้น จากหน้าต่างห้องของหล่อนมองออกไปเห็นผืนน้ำกว้างไกลของอ่างเก็บน้ำผาพยับเมฆที่โอบล้อมด้วยขุนเขาตระหง่านหลายลูก

คมคายเดินหลบกองเอกสารระเกะระกะไปเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นพัดเข้ามาไล่อากาศอับในห้อง เขาปัดกองเอกสารอื่นที่ท่วมโต๊ะทำงานจนแทบไม่มีที่วางของออกให้เจ้าของคนใหม่ ฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วห้อง

อินถวามองไปรอบๆ เอกสารมากมาย เชื่อได้เลยว่าบางส่วนคงเก่าจนเก็บไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็นั่นละ ขึ้นชื่อว่าเอกสารของทางราชการ ใครเล่าจะอยากแตะต้อง หล่อนเอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ ไฟสีฟ้าสว่างวาบขึ้น คมคายแทบจะระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอก

“เป็นอันว่าคุณตกลงทำงานที่นี่ใช่ไหม” รุกข์ พนมไพรเป็นคนถามขึ้น แล้วก็กลั้นใจรอคำตอบ ตำแหน่งนี้เปิดรับสมัครมากี่รอบก็แทบหาคนมาสมัครไม่ได้ ขึ้นชื่อว่างานป่าไม้ก็มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สนใจอยากทำ แต่พอให้ขึ้นมานั่งโต๊ะจับปากกาก็ลาออกกันทุกราย สมรเจ้าหน้าที่คนก่อนเป็นสาวใหญ่ที่ฝักใฝ่งานราชการอยู่แล้วจึงได้มาเป็นลูกจ้างอยู่เกือบปี แต่พอสอบบรรจุได้หล่อนก็เผ่นไปทันที

“ค่ะ ฉันจะลองดู” หล่อนคิดว่าอย่างไรเสียก็ดีกว่าการเป็นคนขับรถประจำตัวหลานทโมนสองคนที่คงจะทำให้หล่อนเป็นประสาทตายไปได้ในสักวัน อินถวารื้อกองเอกสารออกเพื่อหาเมาส์ของคอมพิวเตอร์

“คมไปตามแม่บ้านมาที”

“ครับหัวหน้า” คมคายรีบรุดออกไปทันที รุกข์เดินไปตรวจดูพรินเตอร์ให้หล่อนหลังจากเขากดปุ่มเปิด เสียงเดินเครื่องก็ดังขึ้นแสดงว่าพร้อมใช้งาน เขาเป่าลมออกจากปากเบาๆ

ไอ้เครื่องมือเครื่องไม้พวกนี้จะใช้ทีแทบจะต้องจุดธูปบนบานขอให้ใช้ได้ เครื่องมือทำมาหากินที่เป็นใจกับเขาหน่อยเห็นจะเป็นปืนผาหน้าไม้เท่านั้นกระมัง

หัวหน้าพิทักษ์ป่าหนุ่มจึงเดินไปพิงกรอบหน้าต่างมองไปยังบริเวณสวนหย่อมด้านล่างที่ทอดไกลออกไปที่น้ำตกผาผึ้งและอ่างเก็บน้ำที่มีมวลน้ำมหาศาลหล่อเลี้ยงชาวดงขมิ้นที่อยู่เบื้องล่างได้ทั้งอำเภอ วิวห้องทำงานของหล่อนหลักล้านทีเดียว แม้ค่าจ้างหลักพันก็ตาม หัวหน้ารุกข์ปล่อยให้เจ้าของห้องคนใหม่เริ่มจัดห้องทำงานของหล่อนเงียบๆ จนแม่บ้านสาวใหญ่นามว่าน้อยหอบหิ้วเครื่องมือทำความสะอาดพะรุงพะรังเดินเข้ามาพร้อมกับคมคาย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่การเงินคนใหม่ก็มัวแต่ยุ่งกับการเก็บกวาดห้องทำงานของหล่อนจนลืมไปว่ามีหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่ายืนอยู่ในห้องนั้นด้วย ไม่นานเขาก็ก้าวออกจากห้องไปเงียบๆ

จนเย็นวันนั้น

“หนูอิน ยังไม่กลับอีกเรอะ”

“ยังค่ะพี่น้อย จัดเอกสารอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้จะได้เริ่มงานได้”

“ค่ำมากแล้วนา หนทางลงเขามันคดโค้ง คนไม่ชินทางจะลำบากนะ”

“ค่ะ อีกนิดเดียว เดี๋ยวอินก็กลับ ขอบคุณค่ะ” หล่อนร้องบอก แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารอีกครั้งก็พบว่าพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขาหลังอ่างเก็บน้ำ

แสงเรืองรองทอลงบนผืนน้ำแปลกตา สวยจนหล่อนต้องวางมือจากงานมานั่งมอง วิวสวยๆ แบบนี้หากเพื่อนสาวรวิดาได้มาเห็นคงกรี๊ดกร๊าดน่าดู อินถวานั่งเพลินกว่าจะรู้ตัวก็จวนมืดสนิท หล่อนยกสองมือเปื้อนฝุ่นขึ้นมาดูแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำ ตึกที่ทำการฯ ในขณะนั้นเงียบสนิท ทางเดินค่อนข้างมืดจนวังเวง อินถวาหมุนตัวมองไปรอบๆ ห้องทำงานใหม่ของตนแล้วก็ปิดไฟ

มินิคูเปอร์สีครีมคันน้อยน่ารักของหล่อนจอดรออยู่แล้วที่หน้าตึก มันช่างดูขัดตากับความเก่าแก่ของตัวอาคาร ต้นไม้ใหญ่สูงสล้างและรถกระบะสมบุกสมบันหลายคันของที่ทำการฯ ที่จอดอยู่ในโรงรถไม่ไกลนักมีมอเตอร์ไซค์วิบากสภาพคลุกโคลนบึกบึนจอดอยู่ ไกลออกไปเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอยู่ในชุดเครื่องแบบท่อนล่าง ท่อนบนสวมเพียงเสื้อตัวในกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ อินถวาก้าวเข้าไปนั่งในรถก่อนจะขับออกไปอย่างคล่องแคล่ว

นอกจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้วก็มีเรื่องรถรานี่แหละที่หล่อนชำนาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก เพราะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มาตั้งแต่เล็กๆ

“เป็นไงหัวหน้า ฝีมือการคัดคนของผม”

“ก็ไม่เลวสำหรับวันแรก” รุกข์เอ่ย

“ดีกว่าต้องไปนั่งทำบัญชีเองนะหัวหน้านะ” คมคายพยักพเยิด คนเป็นหัวหน้าพยักหน้าหงึกๆ

“ลูกสาวใครล่ะอายอด สวยผิดคนดงขมิ้น คล่องแคล่วดี” เจ้าหน้าที่เก่าแก่คนหนึ่งถามขึ้น

“ลูกสาวพี่เปรม นายช่างคนเก่าไง”

“อ้าว นึกว่าแกมีลูกสาวคนเดียวคือยายอังสนาเมียตำรวจ”

“ลูกเมียอีกคน เมื่อหนุ่มๆ พี่เปรมเขาใช่ย่อย” ยอดชายอดไม่ได้

“ลูกเมียน้อยเหรอพี่” คมคายทำท่ากระซิบกระซาบ

“เมียหลวงต่างหากล่ะ เขาว่ากันว่าพี่เปรมมีเมียอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะมาคว้าเอาแม่ของอังสนา”

“อ้าว ทำไมยังงั้นล่ะ”

“ไม่รู้โว้ย” ยอดชายตัดบท เหลือบมองสีหน้าขรึมๆ ของหัวหน้าแล้วก็หยุดปาก รุกข์ไม่ชอบไอ้เรื่องนินทาผู้หญิง เขาจึงเปลี่ยนเรื่องเสีย

“อิสระเป็นยังไงบ้าง”

“ยังมีไข้นิดหน่อยครับ ผมบอกให้มันนอนพัก”

“อย่าให้นอนจมมากนัก จะยิ่งแย่นี่ก็นานแล้ว”

“ครับ แต่มันยังผวาอยู่ แต่พรานเหน่งสิครับ จับไข้หัวโกร๋นไปเลย ไม่รู้จะรอดไม่รอด” คมคายเล่า

“อิสระยังใหม่อยู่ ผ่านครั้งนี้ไปได้จะอยู่ที่นี่ได้ไม่ยาก”

“ครับ นี่ผมไม่อยากนึกเลยนะว่าถ้าหัวหน้าเข้าชาร์จอิสระไม่ทัน มันจะเป็นยังไง”

“ก็ตายตามไอ้กวางตัวนั้นไปเท่านั้นสิพี่ยอด มันพูดแต่จับตาย จับตาย จับตาย ตางี้ขวางเชียว คิดขึ้นมาแล้วขนลุกไม่หาย”

“สหายไม่เคยทิ้งป่าเลยนะหัวหน้า กี่ปีกี่เดือนก็ยังวนเวียน” ยอดชายเปรย

“มันคงเป็นกรรมกระมัง จนกว่าจะมีใครชี้ทางให้เขาได้”

“ใครล่ะหัวหน้า” คมคายลูกน้องหนุ่มสงสัย หากคนเป็นหัวหน้าไม่ตอบ เพราะหากจะตอบก็ต้องโกหก รุกข์เกลียดการโกหกเป็นที่สุด เขาจะบอกได้ยังไงล่ะว่าเขาเองเป็นคนที่อาจชี้ทางไปให้วิญญาณเหล่านั้นได้ หากเขาบอกความจริงอันนี้ชีวิตอันปกติสุขคงหามีอีกไม่ ทั้งคนทั้งผีคงมาวุ่นวายจนเขาใช้ชีวิตอย่างสงบไม่ได้อีกต่อไป

บางครั้งรุกข์จึงต้องปิดหู ปิดตาเสียบ้าง

----------

ครืน!

เสียงฟ้าคำรามกึกก้องดังมาจากทิศตะวันออก ฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ฟากฟ้าทางโน้น หน้าฝนได้รุกเข้ามาเต็มพื้นที่ ดงจะหนา ป่าจะดิบชื้นมาก ยากแก่การลาดตระเวนยิ่งขึ้นไปอีก

“เสาร์อาทิตย์นี้ท่าทางฝนจะตก ยังไงจัดคนไปดูพวกนักท่องเที่ยวที่น้ำตกด้วย เรื่องที่จะปิดไม่ให้เข้าชมหน้าฝนนี้คงไม่ไปถึงไหนสินะ”

“หัวหน้าอุทยานฯ ไม่เห็นด้วยนี่ครับ ที่ปิดไปหลังหน้าหนาวแกก็บ่นแย่ นักท่องเที่ยวมารายได้ก็มาด้วย ก็คงต้องระวังกันเอา พวกนักท่องเที่ยววัยรุ่นสมัยนี้คึกคะนองนัก ไม่รู้จักกลัวตาย โดยเฉพาะพวกที่มาจากต่างถิ่น บอกไม่รู้ฟัง”

“ผมให้คนไปทำป้ายห้ามเล่นน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนที่มันลึกไว้แล้วครับหัวหน้า แต่มันก็ยังมีเรื่องกันได้ทุกปี”

“อืม กันไว้ดีกว่าแก้ จัดคนไปดูแลด้วย อย่าประมาท”

“คนที่ได้เรื่องหน่อยก็ชอบแบกปืนเข้าป่า ไอ้พวกที่ไม่เอาไหนเรื่องเข้าป่า มันก็ชอบนั่งหน้าโต๊ะนาย ปวดประสาทแดกครับผม” คมคายบ่นแกมระบาย

“อืม ทำให้ดีที่สุด ที่เหลือก็แล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกัน” หัวหน้าลุกขึ้นยืน แล้วเดินหายไปทางเรือนพักของตนด้านหลังเงียบๆ

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com