ทดลองอ่าน บังบด : ตอนที่ 3

 

 

ตอนที่ 3

 

 

บนที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาพยับเมฆในหลายวันต่อมา ผู้ช่วยอุทยานฯ หรือที่เรียกกันติดปากว่าหัวหน้ากำลังหัวเสียรับอรุณ

“อะไรกันวะ งานป่าไม้นี่มันห่วยนักหรือยังไง คนมันถึงเข้าๆ ออกๆ กันเป็นว่าเล่น” คำถามของหัวหน้าทำให้ลูกน้องที่ถูกลากไปนอนกลางดินกินกลางป่ากลางเขาติดกันมาหลายคืนเบือนหน้าไปคนละทาง

ไอ้นอนป่าน่ะมันไม่เท่าไรหรอก แต่บรรดาผู้มาเยือนยามค่ำคืนของหัวหน้าที่ถ้าคนไม่ใจแข็งจริงก็ยากจะอยู่ไหว อย่างมานพนั่นไง พอออกจากโรงพยาบาลก็ลาออกไปทันที ข้าวของแทบจะเก็บให้ไม่ทัน

“หัวหน้า พี่สมรการเงินแกสอบบรรจุครูได้ จะให้แกอยู่ต่อได้ยังไง อายุแกจะเกินแล้วนะ”

“เออ กูรู้ แล้วใครจะมาทำงานเอกสารให้ มึงหรือไงไอ้คม” หัวหน้าสะบัดหน้ามามองคมคายพิทักษ์ป่าหนุ่มรูปร่างบึกบึนคนพื้นเพโคราชที่สนิทกันมาหลายปี

“หัวหน้า ถ้าผมอยากทำงานประเภทนั่งโต๊ะผมจะดั้นด้นมาสอบพิทักษ์ป่าเหรอครับ ที่สำคัญผมบวกเลขยังไม่ค่อยจะถูกเลยครับ” คมคายหดหัว หาทางเอาตัวรอด รุกข์ส่ายหน้า เรื่องในป่าก็ปวดหัวพอแล้ว นี่ยังจะเรื่องบนที่ทำการฯ นี่อีกหรือ หัวหน้าอุทยานฯ ตัวจริงวัยใกล้เกษียณก็แทบไม่อยู่ทำงาน เดือนหนึ่งถ้าได้เห็นตัวเป็นๆ ของท่านเกินเจ็ดวันแปลว่าจะมีพายุใหญ่ ท่านมักอ้างว่าไปราชการบ้างละ ปัญหาสุขภาพบ้างละ

ทั้งหลายทั้งปวงจึงทำให้ทุกคนเรียกรุกข์ พนมไพร ว่าหัวหน้าเสียเลย ค่าที่อะไรก็หนีไม่พ้นหัวหน้ารุกข์อยู่นั่น

“เปิดรับลูกจ้างชั่วคราวมาทำงานก่อนเถอะหัวหน้า ระหว่างรอเจ้าหน้าที่การเงินตัวจริง ไม่อย่างนั้นยุ่งแน่ ไหนจะการจัดซื้อจัดจ้าง เงินโครงการต่างๆ อีก ชักช้ามีปัญหาให้ท่านกริ้วแน่” ยอดชายผู้มีอาวุโสมากที่สุดเอ่ย

“มันน่าให้ท่านมานั่งทำบัญชีเองบ้างนะ งานพิทักษ์ป่าก็ไม่แล งานบริหารก็ไม่สน เอางานธุรการไปทำเสียเลย”

“คนเขาจะเกษียณแล้ว เขาก็ลอยตัวไปสิวะคมคาย”

“งั้นรึอา เป็นเทวดาสินะ ลอยชายไปลอยชายมา”

“บ่นให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ หาคนมาทำงานให้ไวเข้า อีกสามวันจะเข้าป่ากันแล้ว” รุกข์ลับคมมีดพกไปพลางพูดหน้าขรึม เรื่องในป่าน่าห่วงกว่างานเอกสารมากนัก แต่งานหยุมหยิมพวกนี้มันก็ขาดไม่ได้เสียด้วย

“ใครล่ะหัวหน้า ใครจะอยากมาทำงานเอกสารบนป่าบนเขา แค่จะตะกายขึ้นมาบนที่ทำการอุทยานฯ แต่ละวันก็เสี่ยงตายจะแย่แล้ว บ้านพักก็มีให้ก็ไม่ยักกะชอบมาพักกัน มันยังไง”

“บ้านพักทั้งเก่าทั้งหลอนใครมันจะอยากอยู่ล่ะหัวหน้า” อิสระเอ่ยปลงๆ

“ก็พวกมึงนี่ไง”

“โอย ได้อยู่ที่ไหน ลากไปนอนป่าคืนเว้นคืน” เป็นคมคายที่โอดครวญตามเคย แม้จะอยู่ผาพยับเมฆมาห้าหกปีแล้วก็ตาม

“มึงอยากนอนบ้านก็ต้องเปลี่ยนงานละเว้ย พิทักษ์ป่านะหน้าที่มึง”

“นั่นไงๆ เอะอะก็นอนป่าๆ ลาดตระเวนมันทั้งปี เปิดรับสมัครรอบนี้ถึงมีสาวๆ มาทำก็ไม่ได้ยลเขาหรอก โน่นไปชมชะนีในป่าโน่น”

“พูดมาก ไอ้คมไปหาคนมา ไม่งั้นมึงนอนสำนักงาน ทำบัญชีไป”

“โอยไม่เอา” คมคายร้องลั่น

“หัวหน้า ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมหาคนให้” ยอดชายเอ่ย หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“หาที่ไหนอา จะไปหลอกใครมาอีก เดี๋ยวโดนด่าเอานะ”

“มีก็แล้วกันน่า รับรองได้ว่าแจ่ม” นายยอดชายทำกระหยิ่มยิ้มย่อง

“เอาผู้หญิงนะอา สาวๆ สวยๆ เลย” คมคายทำหูตาแพรวพราว

“อย่าไปฟังมัน หาๆ มาเถอะอา ใครก็ได้แก้ขัดไปก่อน ไม่อย่างนั้นยุ่งตายโหง”

“ครับหัวหน้ารุกข์” 

----------

บ่ายของอีกหลายวันต่อมา อินถวายึดมุมเล็กๆ ใต้ร่มไผ่โปร่งข้างห้องนอนของตนเป็นที่พักจากความโกลาหลบนบ้านใหญ่ หล่อนซื้อโต๊ะเก้าอี้มาได้ชุดหนึ่ง อุตส่าห์สวมวิญญาณสาวสิงห์กระบะ ลากอีแก่ของพ่อไปซื้อมาจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในตัวเมืองที่ห่างออกไปเกือบร้อยกิโลเมตร สนนราคาของมันทำให้อังสนามองหล่อนด้วยความขัดใจเมื่อห้างเฟอร์นิเจอร์เอาของมาส่ง เพราะหล่อนสั่งเก้าอี้เอนนอนแสนสบายมาให้พ่อด้วยหนึ่งตัว ของที่สั่งทั้งขนาดและน้ำหนักมากเกินกว่าที่หล่อนจะขนใส่รถกระบะกลับมาเองได้ แต่อินถวาไม่ใส่ใจนักหรอก หล่อนต้องการความสบายเพียงเล็กน้อยให้พ่อและตัวเองบ้าง และหวังว่าความสบายกายจากเครื่องเรือนสามสี่ชิ้นที่หล่อนซื้อหามาใช้นี่จะนำความสบายใจมาด้วย

อะไรก็ได้ที่จะทำให้ตนอยู่ที่ดงขมิ้นนี่ได้นานขึ้นเพื่อพ่อ อินถวาพร้อมจะทำทั้งนั้น

แต่ก็นั่นละ มันแลกมาด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์ที่แล่นออกไปนอกรั้วบ้าน บ้างว่าลูกสาวคนเล็กของอดีตนายช่างเปรมหัวสูงนัก มาอยู่ดูพ่อหน่อยก็ต้องต่อเติมบ้านให้อยู่ เฟอร์นิเจอร์ก็ต้องสั่งมาใหม่หมด ข้าวปลาอาหารกินยากอยู่ยากไปทั้งนั้น ชาวบ้านชาวช่องอดเห็นใจอังสนากับสามีไม่ได้

“เขาลูกผู้รากมากดี อยู่อย่างตาสีตาสาไม่ได้หรอก ฉันกับพี่ชาติก็สงสารพ่อ ต้องหลับหูหลับตาเสียบ้าง เขาอยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ไปห้ามเขาไม่ได้”

“น่าเห็นใจนะ เออ ไอ้รถกระป๋องคันเล็กๆ ที่เขาขับไปขับมานั่นราคาเป็นล้านเชียวหรือ”

“ใช่น่ะสิ นี่รู้ไหมว่าถึงกับต้องมีมุมจิบกาแฟในบ้าน แน่ล่ะสิลูกฉันมันคนบ้านนอกยังไงละ เขาก็คงรำคาญ”

“อะไรกัน ถึงไม่ใช่หลานแท้ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นหลานนะ ไม่น่าเชื่อ สวยออกอย่างนั้น”

“พ่อรักแม่เขามากกว่าแม่ฉัน มีอะไรเขาก็ได้หมด ดูสิตอนนี้ที่บ้านฉันมีอะไรบ้าง”

“เอ...ไม่ใช่ว่าแม่เขาเป็นเศรษฐีเก่าหรอกรึ เห็นแม่ฉันว่าเคยมาตาม...เอ่อ มาหาลุงเปรมครั้งหนึ่ง ยังสวยติดตาแม่ฉันจนวันนี้ ผิวพรรณเรืองรองเนียนสวยผุดผ่องผิดชาวบ้าน สวยเหมือนลูกสาวเขานี่ละ”

“โอ๊ย ก็แน่ล่ะสิ นั่งกินนอนกินแบบนั้น ไม่สวยให้รู้ไป” อังสนาตัดบทด้วยว่ายิ่งสนทนายิ่งทำให้อินถวาและแม่สูงส่งกว่าคนธรรมดามากขึ้นทุกที

แต่เรื่องติฉินนินทาก็มีมาเป็นระยะๆ แม้ไม่ได้คบค้ากับใคร อินถวาก็พอจับความรู้สึกได้ว่าเวลาไปไหนมาไหน หล่อนจะตกเป็นหัวข้อสนทนาบ่อยๆ แต่หญิงสาวถือคติว่านินทากาเลเหมือนเทน้ำ เมื่อไม่ฟังเสียก็ไม่รกหูรกใจ

เช้านี้หลังจากจัดการเรื่องข้าวปลาอาหารและหยูกยาของพ่อเรียบร้อยแล้ว อินถวาก็นั่งจิบกาแฟดำหอมกรุ่น เป็นเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยมจากเชียงรายที่หล่อนกับรวิดาเพื่อนรักและหุ้นส่วนอุตส่าห์ดั้นด้นไปเสาะหามาเมื่อลงทุนเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆ ในมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ ด้วยกัน เสียดายที่ตอนนี้หล่อนต้องทิ้งให้เพื่อนดูแลร้านเพียงลำพังไปก่อน อินถวาหลงใหลกาแฟอย่างหนักตั้งแต่เรียนจบ ช่วงที่หล่อนกับรวิดาไปเยี่ยมแม่กับยายที่ปฏิบัติธรรมอยู่ทางเหนือทั้งสองได้ออกเสาะแสวงหาเมล็ดกาแฟดีๆ จนทั่วจนได้ทั้งเมล็ดกาแฟและสูตรปรุงรสที่ลูกค้าติดใจ คาเฟ่ของพวกหล่อนแม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีลูกค้าเหนียวแน่นไม่น้อยเลย

อินถวาวางโทรศัพท์มือถือแล้วหันไปคว้านิตยสารอ่านเล่นที่หล่อนอุตส่าห์หาซื้อมาจากในเมืองหลายฉบับด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสเป็นพิเศษ ครอบครัวของอังสนาออกจากบ้านไปหมดแล้ว ลูกทั้งสองนั่งรถรับส่งไปเรียนในเมืองตั้งแต่เช้ามืด นายอภิชาตพี่เขยผู้มีอาชีพนายตำรวจชั้นประทวนก็ออกไปแล้วพร้อมภรรยา เหลือก็แต่พ่อที่นอนฟังข่าววิทยุอยู่เงียบๆ ที่ใต้ถุนบ้าน หล่อนมีหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารการกินของพ่อซึ่งต้องคัดสรรเป็นพิเศษ แม้จะโดนค่อนขอดเอาบ้างจากอังสนา แต่เรื่องความเป็นอยู่ของพ่อ อินถวาจะยอมไม่ได้

‘แม่มอบหมายให้อินมาดูแลพ่อค่ะ ขอให้อินได้ทำให้ดีที่สุด’ หล่อนบอกพ่ออย่างนั้นซึ่งพ่อเปรมรู้ดีว่าเรื่องความเป็นอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ลูกสาวของตนได้มาจากแม่เต็มๆ ตลอดเวลาที่ได้ครองคู่กับแม่ของลูก ไม่เคยมีครั้งใดที่เมียรักจะทำอะไรฉาบฉวย ทุกอย่างที่ ‘แม่แก้ว’ ของลูกหยิบจับจะประณีตงดงามเสมอ

เหตุการณ์ช่วงกลางวันจะสงบเงียบแบบนี้จนเวลาบ่ายแก่ๆ ทุกวัน แต่วันนี้พอสายเข้าหน่อยพ่อเปรมก็ชะโงกหน้ามาเรียกหล่อน

“อิน อิน อยู่ไหนลูก”

“อยู่นี่ค่ะพ่อ พ่อจะเอาอะไรคะ” เสียงหวานร้องตอบมาจากร่างอรชรที่เอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หวายหลังกอไผ่ วันนี้อินถวาสวมเสื้อผ้าฝ้ายตัวยาวเบาสบายกับกางเกงเข้ารูปสีดำผ้าเนื้อดี ผมยาวสีดำสนิทจับเป็นลูกคลื่นรวบไว้หลวมๆ ใบหน้าอ่อนใสระบายยิ้มเย็นตา

“เพื่อนพ่อมาหา ออกมาพบหน่อยนะลูก”

“ค่ะ” อินถวาเดินตามพ่อออกไปอย่างว่าง่าย หล่อนพบกับชายวัยใกล้เกษียณที่ท่าทางอ่อนกว่าพ่ออยู่เล็กน้อย เขาสวมเครื่องแบบลายพรางของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

“นี่อายอดชาย เพื่อนรุ่นน้องที่ทำงานเดิมของพ่อ ไหว้อาเสียสิลูก ยอดนี่ลูกสาวคนเล็ก ชื่ออินถวา”

“สวัสดีค่ะคุณอา”

“สวัสดีหลาน ลูกสาวแม่แก้วก็สวยไม่น้อยไปกว่าคุณแม่เลยนะ”

“ขอบคุณค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้อีกครั้ง ปลื้มใจที่มีคนพูดถึงแม่ในทางที่ดีบ้าง มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยที่ภรรยาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จะต้องถูกมองในแง่ร้ายเสมอ จริงอยู่ที่แม่ออกจากชีวิตพ่อไปนานแล้ว แต่แม่ก็ไม่เคยปิดกั้นถ้าพ่ออยากไปหาหล่อนที่กรุงเทพฯ ยามเจ็บไข้แม่ก็ยังไม่หวงห้าม แล้วยังบอกให้หล่อนมาดูแลพ่ออีกด้วย สิ่งเดียวที่แม่ไม่ทำก็คือการมาพบหน้าและพูดจากับพ่อซึ่งอินถวาก็เข้าใจดี

“มานั่งคุยกันก่อนมา อายอดเขามาเรื่องงานน่ะลูก ที่อุทยานฯ กำลังขาดพนักงานดูแลการเงินการบัญชี อินอยู่ว่างๆ ท่าจะเบื่อ สนใจไปทำงานไหมลูก”

“เอ...อินไม่เคยทำงานราชการเสียด้วยสิคะ” อินถวาลังเล หล่อนได้ยินมานักต่อนักเรื่องความเรื่องมากของงานราชการไทย ช่วงที่เรียนจบใหม่ๆ หล่อนลองทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ครั้งใดที่ต้องเจรจางานกับหน่วยงานราชการ อินถวาเป็นต้องพยายามหลบหลีกทุกครั้งไป หล่อนไม่ชอบมากพิธีรีตองโดยที่แทบจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

“เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ป่วยหนักหนึ่ง ลาออกไปสอง ทางเราก็ขาดคนมากหนู โดยเฉพาะการเงิน ไม่มีใครทำเป็นกันเลย พวกพิทักษ์ป่าน่ะเอะอะๆ ก็จะเข้าป่าอย่างเดียว ให้นั่งโต๊ะสบายๆ แทบไม่มีใครอยากทำ”

“ผาพยับเมฆกว้างใหญ่ไพศาลกินพื้นที่ป่ารอยต่อสามจังหวัด กำลังเจ้าหน้าที่ยังไม่พอสินะ”

“ใช่พี่ จะขอคนเพิ่มก็ยาก เปิดรับสมัครก็ไม่ค่อยได้คนทำงานจริงจัง เด็กฝากทั้งนั้น มาทำแป๊บๆ เจอหัวหน้าพาลาดตระเวนเข้าหน่อย เผ่นทุกราย”

“ดุเหลือเกินนี่ เมื่อวันก่อนยังเห็นที่โรงพยาบาล”

“อ้อ เมื่อวันก่อนน่ะเหรอ ผีเข้าเด็กใหม่น่ะสิพี่ พากันไปลาดตระเวนแล้วขาออกมามันตามไอ้นพออกมาจากป่าด้วย อาละวาดจะเอามันให้ตายให้ได้ พาไปโรงพยาบาลอำเภอก็ไม่มีหมอเฉพาะทาง หัวหน้าเลยพาไปในเมือง”

“จะรักษายังไงล่ะ ผีเข้านี่นะ”

“ผีเข้าเหรอคะพ่อ” อินถวาขมวดคิ้วเล็กน้อย หล่อนเป็นคนเข้าวัดทำบุญ ทำไมจะไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ที่เห็นแอบอ้างว่าเหนือก็มีอยู่มาก

“ใช่แล้วหลาน นพเป็นเด็กใหม่ หัวหน้าก็กะจะพาไปฝึกเดินป่าให้ชิน ที่ไหนได้ ไปหนเดียวเผ่นป่าราบเสียแล้ว ยังดีนะที่หัวหน้ารุกข์กำราบเอาไว้ได้”

“กำราบผีเหรอคะ”

“ใช่น่ะสิหลาน ฉายารุกข์ ป่าราบเชียวนะนายของอาคนนี้”

อินถวาอมยิ้ม อายอดชายเป็นคนคุยสนุก เรื่องของหัวหน้าพิทักษ์ป่าคนนี้หล่อนจึงฟังเอาความบันเทิงได้ระดับหนึ่ง

“พาเข้าป่าแล้วเจอแบบนี้ก็หนีหายหมด ไม่มีคนทำงานสินะยอด”

“นั่นก็ด้วยพี่ แล้วเจ้าหน้าที่ของเราเขาสอบบรรจุครูได้ด้วยไง เขาเลยลาออกไปแล้ว ผมหาใครไม่ได้เลยนึกขึ้นได้ว่าพี่บอกว่าหลานมาอยู่ด้วย อาการของพี่ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม หน้าตาสดใสเชียว”

“ใช่ ดีขึ้นเหมือนได้ยาวิเศษตั้งแต่ลูกสาวมาดูแล” เปรมยิ้มจนตาหยี สองชายเย้ากันไปมา ส่วนอินถวาคิดตามเรื่องงานที่อายอดชายบอก เมื่อสองสามวันมานี้อังสนาออกปากขอให้หล่อนไปรับไปส่งหลานทั้งสองเพื่อประหยัดค่ารถรับส่งเพราะเห็นว่าหล่อนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรแถมอาการของพ่อก็ดีวันดีคืนตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กมาอยู่ด้วย คำเหน็บแนมแบบหวังผลนั้นทำให้อินถวาอดขัดใจไม่ได้ หล่อนไม่นิยมรับคำสั่งใคร แต่ก็ไม่อยากให้พ่อลำบากใจไปมากกว่านี้

ไม่แน่นี่อาจจะเป็นทางเลี่ยงที่ดีก็ได้...พ่อคงคิดไว้แล้วสินะ

ก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ไม่มีใครชอบปวดหัวกับการเงิน ก็คงไม่มีคนมายุ่งกับหล่อนมากนักหรอก ได้นั่งทำงานเงียบๆ คิดบัญชีไปวันๆ ก็คงพอแก้เบื่อได้บ้างหรอกน่า อย่างน้อยก็ได้พักหูจากคำพูดกระแนะกระแหนของอังสนาได้บ้าง

“แล้วพ่อล่ะคะ” หล่อนยังอดห่วงพ่อไม่ได้

“พ่อจะเป็นอะไรลูก ไอ้ยาแพงๆ ที่หนูสั่งให้นั่นได้ผลดีจะตายไป จะมีก็แต่วันไหนที่หมอนัด หนูก็ลางานพาพ่อไปก็เท่านั้น ได้ไหมยอด”

“ได้สิพี่ ลูกจ้างระเบียบไม่เคร่งนักหรอก อีกอย่างหัวหน้าอุทยานฯ ก็อย่างที่รู้ๆ กัน วันๆ ไม่ได้เห็นหน้าแกหรอก แกแก่แล้วใกล้เกษียณ งานการก็ชักอืด จะมีก็แต่ผู้ช่วยอุทยานฯ ที่เรียกกันหัวหน้ารุกข์นั่นล่ะ แต่รายนั้นก็เอาแต่ลาดตระเวน เข้าดงเข้าป่า ทำงานด้วยไม่ยากหรอกหนู ขอให้งานเรียบร้อยเป็นพอเพราะแกไม่ค่อยมีเวลามาดูละเอียดหรอก”

“หัวหน้ารุกข์คนนี้ใช่ไหม ที่เขาว่าเป็นลูกชายพรานเสนีที่หายตัวไป”

“ใช่พี่ ดุฉิบหาย เอ่อ โทษทีนะหนู” พิทักษ์ป่ายอดชายทำคอหด “ดุมากพี่ ลูกน้องกลัวหัวหด วิชาแกแก่กล้าไม่แพ้พ่อพราน เวลาเข้าป่าที ป่าตื่นกราว”

“ขนาดนั้นเชียวรึ” พ่อเปรมตบเข่าฉาด

“ใช่สิ บอกแล้วไงพี่ฉายาหาหัวหน้ารุกข์ ป่าราบ”

“ฮ่าๆๆ เออ เข้าท่าๆ”

“นี่ถ้าหนูอินตกลง พอเปิดรับสมัครแล้วอาจะเอาใบสมัครมาให้นะ จะได้มาร่วมงานกัน”

“แหม อินอาจจะสอบตกก็ได้นะคะ”

“ไม่มีทางหรอกหลาน”

“ทำไมคะ”

“ก็...ถ้าไม่มีคู่แข่งมาสมัคร อินจะสอบตกได้ยังไงล่ะลูก” ผู้เป็นพ่อหัวเราะประสานเสียงกับยอดชาย

“ลูกจ้างชั่วคราว ลองทำดูไหมลูก ไม่ชอบอะไรยังไงก็ลาออกมาได้ ช่วยอายอดเขาหน่อย”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะพ่อ ดีเหมือนกันค่ะอินอยู่เฉยๆ เริ่มจะเบื่อแล้ว ขอบคุณนะคะอายอดชาย” หล่อนรับปากแล้วก็ปลีกตัวไปหาเครื่องดื่มยามบ่ายมาบริการชายทั้งสอง บทสนทนาจึงเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คุยกันอยู่นานเจ้าหน้าที่ป่าไม้อาวุโสผู้นั้นก็ขอลากลับด้วยท่าทีดีอกดีใจ เรื่องที่หัวหน้ามอบหมายมาก็สำเร็จ แถมยังได้ช่วยเหลือลูกพี่เก่าอีกต่างหาก

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com