เมื่อส่งน้องเดี่ยวลงหน้าโรงเรียนแล้ว แดนไทขับต่อไปยังโรงพยาบาลซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก พอรถมาจอดเทียบหน้าจุดหมาย เสียงใสของปลายฝนที่นั่งบนเบาะข้างคนขับดังขึ้น ราวกับเธอตัดสินใจแล้วว่าต้องพูด
“ปลายเกรงใจจริงๆ นะคะพี่แดน พี่ไม่ต้องมาส่งเองก็ได้ เห็นนมเป่งเล่าว่าระยะหลังนี้พี่แดนจะเข้าไปดูไร่เผือกแต่เช้าแล้วให้ลุงหง่าจัดการมาส่งน้องเองได้ งั้นวันหลังให้ปลายติดรถมากับลุงหง่าดีกว่า ปลายจะจัดการส่งน้องเดี่ยวให้อย่างดีเลยค่ะ”
เอาแล้วไง นมเป่งปากสว่างอีกแล้ว...แดนไทบ่นในใจ เขาไม่อยากให้ปลายฝนรู้ความจริงนั่นสักหน่อย ไม่อยากให้รู้ว่าเขาอดห่วงไม่ได้ ว่ามาถึงโรงพยาบาลแล้วเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง อย่างน้อยก็ในช่วงแรกนี้ เขาอยากแน่ใจว่าปลายฝนจะไม่โดนรสาระรานอีก จึงอยากมาส่งเอง มาดูให้เห็นกับตา
“เอาเป็นว่าพี่จะมาส่งเฉพาะระยะแรกๆ นี่แหละ เห็นฤทธิ์ยายรสาอะไรนั่นแล้วอดห่วงปลายไม่ได้ ไม่ใช่อะไรนะ พอดีไอ้พงษ์มันฝากฝังให้ช่วยสอดส่องดูแลหน่อย ตราบใดที่หมอศรุตยังไม่ย้ายไปจากที่นี่ ปลายก็คงไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร อีกอย่างพี่อยากมาส่งลูกเองบ้าง น้องเดี่ยวจะได้ดีใจไง”
แดนไทไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหาข้ออ้างสารพัดมาสาธยาย แต่เขาก็ทำไปแล้ว ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่ได้ห่วงใยนัก แต่สายตาของเขากลับสอดส่องไปจนเห็นแล้วว่าศรุตในชุดเสื้อกาวน์กำลังเดินมาหาพยาบาลสาวถึงรถ นี่มันไม่รู้ตัวบ้างหรือไงว่าเป็นตัวการทำให้ปลายฝนถูกรสาระราน หากมันยังมาก้อร่อก้อติกแบบนี้
ไม่ได้การละ ของแบบนี้มันต้องกันท่าไว้ก่อน
“งั้นตามใจพี่แดนเลย ปลายไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ รอพี่ไปเปิดประตูรถให้” แดนไทเพิ่งคิดแผนได้แบบกะทันหัน
“ปลายเปิดเองได้”
“อย่าดื้อได้ไหม นั่งนิ่งๆ เลยนะ”
ว่าแล้วแดนไทจึงลงไปเปิดประตูให้ปลายฝน เท่านั้นไม่พอ เมื่อหญิงสาวลงจากรถแล้วเขายังแตะมือลงบนบ่าเธอ
“ดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้ใครทำร้าย ที่สำคัญ คอยหลบหมอศรุตไว้หน่อยก็ดี แน่ะ ตรงดิ่งมาโน่นแล้ว ให้พี่เดินไปส่งที่ห้องฉุกเฉินเลยดีไหมเนี่ย”
“ไม่ดีแน่ค่ะพี่แดน เดี๋ยวปลายจัดการเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ ปลายบอกแล้วไงว่าจะไม่อ่อนแอ ไม่ยอมถูกทำร้ายอีกต่อไปแล้ว”
“งั้นเย็นนี้พี่มารับนะ”
“ค่ะพี่แดน”
แดนไทจำต้องขึ้นรถแล้วขับออกตัวไป ทั้งที่ในใจอดห่วงไม่ได้ เห็นๆ อยู่ว่าปลายฝนเดินเข้าโรงพยาบาลไปพร้อมหมอศรุต...
เมื่อไหร่มันจะย้ายไปเสียที!
----------
“เมื่อคืนปลายไปพักที่ไหน ไม่ได้อยู่แฟลตเหรอ”
หมอศรุตถามขึ้นขณะก้าวไปตามทางเดินพร้อมปลายฝน เช้าๆ อย่างนี้คนยังน้อย ทำให้ทางเดินในโรงพยาบาลที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนดูโล่งไปถนัดตา ปลายฝนเดินอย่างระมัดระวัง พยายามรักษาระยะห่างไว้ให้มากที่สุด
“ช่วงนี้ปลายไปพักบ้านเพื่อนพี่พงษ์ค่ะ อยู่ต่างอำเภอแต่ไม่ไกลเท่าไร”
“เพราะรสาใช่ไหม ทำให้ปลายต้องลำบาก แล้วไปอยู่บ้านคนอื่นอย่างนั้นไม่อันตรายแย่เหรอ เท่าที่ดู หมอนั่นไม่ค่อยน่าไว้ใจนะ ดูเถื่อนๆ แล้วทำไมดูสนิทสนมกับปลายจัง”
“สนิทสิคะ พี่รุตคงไม่รู้ว่าตอนเด็กๆ ปลายเคยอยู่สุพรรณจนถึงสี่ขวบ ระหว่างนั้นคนที่ปลายสนิทด้วยที่สุดคือพี่แดนนี่แหละค่ะ พี่แดนกับพี่พงษ์เองก็เป็นเพื่อนสนิทกัน พี่แดนเป็นคนดีสุดๆ ไม่งั้นพี่พงษ์ไม่ฝากให้ช่วยดูแลปลายหรอก”
“ยังไงพี่ก็เป็นห่วงปลายอยู่ดี”
ศรุตรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ปลายฝนคงไม่รู้ว่าเขาเสียใจแค่ไหนกับเหตุการณ์อัปยศในวันแต่งงานของเขากับเธอ ต้องยอมรับว่าเพราะความ ‘อ่อนหัด’ ของเขา ทำให้เกิดการคบซ้อนขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
ศรุตจำได้ดีว่าหลังจากจบเฉพาะทางและเพิ่งได้งานที่โรงพยาบาลทางเหนือไม่นาน เขามีโอกาสได้ไปประชุมสูตินรีแพทย์ที่กรุงเทพฯ และบังเอิญได้พบกับรสา เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนของโรจน์เพื่อนเขา วันนั้นหลังประชุมเสร็จโรจน์ชวนศรุตไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พร้อมๆ กับรสา
‘ขอเอาเพื่อนไปกินด้วยอีกคนนะรุต พอดีรสามีงานเดินแบบแถวห้างฯ ใกล้โรงแรมที่เราประชุมกันเนี่ยแหละ เลยชวนนางไว้อีกคน ผมกับรสาเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ประถมแน่ะ นานๆ เจอกันที หาเวลาตรงกันยาก’
‘เพื่อนประถมเลยเหรอ เอาสิ ไปกินข้าวด้วยกันหลายๆ คนยิ่งสนุก’ ศรุตรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เขาอยากเปิดหูเปิดตาให้มากขึ้น หลังจากใช้ชีวิตเป็นเด็กเรียนที่อยู่ในกรอบมาตลอด
‘สนุกแน่ รสาคุยเก่งมาก รุตจะไม่มีทางเหงาเลย’
นั่นคือครั้งแรกที่ศรุตได้พบกับรสา ดาราสาวดาวรุ่งที่เพิ่งมีผลงานเรื่องแรกก็ดังเป็นพลุแตก กระแสแรงมากจนคนที่ไม่สนใจวงการบันเทิงอย่างศรุตยังพอจะเคยเห็นหน้ารสาผ่านสื่อโซเชียลอยู่บ้าง แม้ตอนนั้นศรุตกำลังพยายามตามจีบปลายฝนอยู่ แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก เขามีสิทธิ์ที่จะมองหาตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ
พอได้เจอตัวจริงของดาราสาว ศรุตก็ต้องประหลาดใจในความน่ารักเป็นกันเองของเธอ ใบหน้าสวยคมของรสาสะกดให้ศรุตต้องมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และน่าจะเพราะรสาสนิทกับโรจน์มาก จึงราวกับโรจน์เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างศรุตกับดาราสาวสวยได้อย่างดีเยี่ยม
‘ดีจังเลยค่ะ รสาได้คุยกับหมอบ้าง อยู่แต่แวดวงบันเทิงจะออกแนวเฟกๆ หน่อย ต้องระมัดระวังจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว’ รสายังชวนคุยต่อเนื่อง หลังจากทุกคนอิ่มอาหารกันแล้ว
‘แหงล่ะสิ แกอยู่กับฉันก็เป็นตัวเองให้เต็มที่เลย เพราะฉันกับแกน่ะ รู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว จะว่าไปเราไม่ใช่เพื่อนกันตั้งแต่ประถมนี่หว่า แกกับฉันรู้จักกันตั้งแต่อยู่อนุบาลสอง แกเข้ามากลางเทอม’
‘เฮ้ย! จริงด้วยโรส แกจำเก่งอะ แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ ยังจำได้เว้ย ว่าตอนเราอยู่อนุบาลสองน่ะ แกชอบแย่งโบผูกผมฉันไปใช้’
หนึ่งสาวแท้กับอีกหนึ่งสาวเทียมหัวเราะลั่นร้าน ศรุตเองเพิ่งรู้ว่าโรจน์มีอีกชื่อว่าโรส ใครจะคิดว่าคุณหมอโรจน์ผู้สุภาพเรียบร้อยในโรงพยาบาลนั้นสามารถปกปิดอีกด้านของตนได้อย่างสนิท เนียนจนถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดจริงๆ จะไม่รู้เลย...แต่ศรุตรู้ และออกจะเข้าใจเอามากๆ ศรุตมองแต่แง่ของความเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่เรียนต่อเฉพาะทางสูติ-นรีเวชมาด้วยกัน โรจน์เป็นแพทย์ที่ละเอียดลออ ทำงานเก่ง และมนุษยสัมพันธ์ดีมากๆ
‘ก็นั่นแหละ แบบนี้จะไม่ให้รักแกได้ไงยายรสา ยิ่งตอนนี้แกเป็นดาราดังด้วย ฉันยิ่งต้องรักเลย อยากมีเพื่อนเป็นดาราอะนะ’
‘ฉันก็เหมือนเดิมแหละแก ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก’ รสาหันมาส่งยิ้มจางๆ ให้คุณหมอหนุ่มร่วมโต๊ะที่นั่งเงียบอยู่นานมาก ‘คุณหมอรุตอึดอัดไหมคะเนี่ย เหมือนต้องมานั่งฟังสาวๆ คุยกัน’ คำถามของรสาทำให้รู้ว่าเธอเป็นห่วงความรู้สึกศรุต
‘ไม่อึดอัดหรอกครับ ตามสบายเลย ปกติผมไม่ใช่คนคุยเก่งอยู่แล้ว ชอบฟังมากกว่า’
‘งั้นวันหลังเรานัดเจอกันอีกสิคะ คุณหมอรุตมาประชุมที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ลองโทร.หารสาดู ถ้าไม่ติดอะไรจะรีบมาเลยค่ะ รสามีเรื่องคุยให้ฟังได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหมดหรอก’
‘แกพูดแล้วนะยายรสา ถ้าหมอบ้านนอกสองคนนี้ได้เข้ากรุง แกต้องต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี’ โรจน์เสริม จริตจะก้านของสาวสองมาเต็ม
‘แน่นอนอยู่แล้วย่ะ รสายินดีต้อนรับนะคะ’ ประโยคท้ายรสาหันมาบอกศรุต แววตาพราวของเธอสื่อให้รู้ว่าพึงใจในตัวเขาไม่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนแยกย้ายจากกันเธอยังให้ทั้งเบอร์โทรศัพท์และแอดไลน์ไว้อีกต่างหาก
ตั้งแต่นั้นศรุตกับรสาจึงติดต่อกันมาตลอด ทุกคราวที่ลงมาประชุมที่กรุงเทพฯ ทั้งสองต้องนัดกินข้าวด้วยกัน แรกๆ โรจน์ไปด้วย แต่หลังๆ ดูเหมือนเขาจะรู้ใจรสา จึงปล่อยให้ดาราสาวได้กินข้าวตามลำพังกับศรุต
ความสัมพันธ์ของรสากับศรุตค่อยๆ ก่อตัว ควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ของปลายฝนกับศรุตเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวคุณหมอหนุ่มคิดว่าควรให้ความสำคัญกับพยาบาลสาวมากกว่า เพราะในโลกของความจริงนั้นดูจะเป็นไปได้มากกว่า พัฒนาความสัมพันธ์ง่ายกว่ามากด้วย ในขณะที่ระหว่างเขากับดาราดังขนาดนั้น ชีวิตรักไม่น่าจะมาบรรจบกันได้
ดังนั้นการนัดพบกับรสานานๆ ครั้งจึงกลายเป็นเพียงความตื่นเต้น ทำให้ชีวิตเรียบๆ ดูมีอะไรมากขึ้น ที่สำคัญมันทำให้ศรุตแอบภูมิใจว่ามีดาราสาวมาสนใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าดาราสาวสวยคมสุดเซ็กซี่นั้นมีใจให้เขามากเพียงใด แต่อย่างที่บอก ศรุตใช้สมองมากกว่าหัวใจในการดำเนินชีวิต จึงเชื่อว่าปลายฝนยังดูมีภาษีเหนือกว่า มีความเป็นไปได้มากกว่าถ้าจะต้องให้มาเป็นแม่ของลูกเขา
กระนั้นศรุตก็ยังทำเรื่องที่คล้ายๆ จะคบซ้อนกับรสาและปลายฝนไปพร้อมๆ กัน เขาไม่ได้ตั้งใจ...แต่เรื่องราวเหมือนจะผลักให้เขาก้าวไปบนเส้นทางนั้นอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อคืนหนึ่งรสาชวนเขาขึ้นห้องเธอที่คอนโดฯ จนเขาอดใจไม่ไหว ทั้งคู่มีสัมพันธ์อันดูดดื่ม จากนั้นจึงติดใจจนกลายเป็นว่าศรุตต้องหาโอกาสลงกรุงเทพฯ มาค้างกับรสาที่คอนโดฯ บ่อยๆ
“พี่รุตคะ พี่รุต เป็นอะไรหรือเปล่า ปลายบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกันตรงๆ” เสียงเรียกของปลายฝนดึงให้ศรุตกลับสู่ปัจจุบัน
ปลายฝนชะงักฝีเท้า ดูเธอมุ่งมั่นมากขณะจ้องตาคุณหมอหนุ่มแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ปลายอยากบอกพี่ตรงๆ ว่าอย่าทำให้ปลายต้องลำบากใจกว่านี้เลยนะคะ ระหว่างเรามันจบไปแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมว่าพี่มีเมียมีลูกแล้วด้วย ยิ่งรสาขี้หึงแบบนั้นมันน่ากลัวสำหรับปลายมาก ขอร้องละ อย่ามายุ่งกับปลายเลยค่ะ ปลายไม่อยากอับอายมากไปกว่านี้ ความจริงปลาย...ไม่อยากเจอพี่รุตอีกเลยด้วยซ้ำ”
พยาบาลสาวแยกตัวจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ศรุตถึงกับอึ้งกับการกล้าตัดสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดของปลายฝน คุณหมอหนุ่มมองตามร่างบอบบางของเธอไปด้วยความเสียดาย
เพียงเพราะความหลงชั่ววูบ ความภาคภูมิว่ามีดาราสาวสวยมาหลงรักซึ่งเป็นภาพลวงล้วนๆ ค่ำคืนร้อนรักระหว่างเขากับรสาส่งผลอันแสนโหดร้ายตามมาจนศรุตคาดไม่ถึง
หมดสิ้นทั้งอิสรภาพและความเป็นตัวของตัวเอง แถมยังต้องแต่งงานกับรสาในเร็วๆ นี้ ตามด้วยย้ายไปภาคใต้อันเป็นภูมิลำเนาของเธออีกต่างหาก
ไม่น่าเลย เขาไม่ควรทรยศต่อปลายฝนเลยจริงๆ
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **