ทดลองอ่าน ฝากรักไว้ที่ปลายฝน : ตอนที่ 2

 

 

ตอนที่ 2

 

 

เสียงเพลงที่บรรเลงคลอเบาๆ ผสมกับเสียงแขกเหรื่อในงานช่วยให้บรรยากาศดูชื่นมื่นและครึกครื้น แม้แดนไทจะไม่เคย ‘อิน’ กับงานแต่งสักเท่าไร เพราะเขาเองเคยเป็นเจ้าบ่าวมาแล้วในสภาพกึ่งจำยอม แต่ต้องยอมรับว่าสำหรับงานวันนี้จัดได้งดงามดูอบอุ่น รับรู้ได้ถึงความรักของคู่บ่าวสาว ซึ่งในภาพพรีเวดดิงที่จัดแสดงไว้หน้างานนั้น ดวงตาของทั้งคู่หวานฉ่ำชื่นมื่น บ่งบอกถึงความรักล้นใจ

“ไอ้แดน! ทางนี้โว้ย ทางนี้”

แดนไทมองหาต้นเสียงจนพบพงษ์เพื่อนรักในชุดสูทเต็มยศยืนโบกมืออยู่ตรงโต๊ะรับของชำร่วย แม้จะได้เจอพงษ์เป็นระยะ แต่ก็ถือว่านานๆ ครั้งได้ วันนี้เพื่อนทำให้แดนไทถึงกับตะลึงในความหล่อของมัน ผิวขาวกระจ่างและใบหน้าคมสันดูน่ามอง ผมซึ่งถูกเซตอย่างประณีตทำให้พงษ์ดูโดดเด่นขึ้นมาจากผู้คนรอบข้าง

“กูดีใจจริงที่มึงยอมออกมาจากไร่เผือกได้ อุตส่าห์เข้ากรุงเทพฯ มางานนี้โดยเฉพาะ ขอบใจว่ะเพื่อน ปลายคงดีใจที่รู้ว่ามึงมาร่วมแสดงความยินดี คุณเธอแอบถามถึงมึงบ่อยๆ” น้ำเสียงที่พงษ์พูดถึงน้องสาวซึ่งเป็นเจ้าสาวในงานวันนี้ปิดบังความรักและเอ็นดูไว้ไม่มิด

“คุยจ้อเหมือนเคยนะมึง เดี๋ยวกูขอหย่อนซองก่อน กลัวทำหาย”

แดนไทจัดการตามที่บอก เขาใส่ซองช่วยงานน้องสาวเพื่อนเป็นจำนวนเงินค่อนข้างมาก เพราะพงษ์นั้นคอยให้คำปรึกษาในเรื่องการส่งออกเครื่องมือทำการเกษตรมาตลอด และเหนืออื่นใด พงษ์คือเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กที่เขาสนิทใจด้วยที่สุด แน่นอนว่าปลายฝนน้องสาวพงษ์จึงพลอยเคยสนิทกับเขาไปด้วย แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเจอหน้ากันตอนนี้เธอไม่น่าจำแดนไทได้ ลองนับดูแล้วสองคนห่างหายกันไปนานถึงยี่สิบสี่ปี!

“ไปถ่ายรูปกับบ่าวสาวตรงโน้นก่อน ปลายต้องดีใจมากแน่ ที่เจอมึง”

แดนไทเดินตามพงษ์ไปจนถึงหน้าซุ้มดอกไม้สีขาวที่เตรียมไว้สำหรับเป็นฉากหลังให้บ่าวสาวถ่ายภาพกับแขกเหรื่อ แม้วันนี้ปลายฝนจะดูแปลกไปเพราะอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสวยสง่า ใบหน้าแต่งแต้มไว้อย่างประณีต แต่น่าประหลาดใจที่แดนไทกลับจำแววตาสดใสคู่นั้นได้ดี เธอส่งยิ้มน้อยๆ เอ่ยปากเบาๆ เพียงว่า...

“พี่แดน”

แดนไทส่งยิ้มตอบเจ้าสาวแล้วส่งเลยไปให้เจ้าบ่าวด้วย คุณหมอหนุ่มรูปงามยิ้มตอบอย่างภาคภูมิ มือแกร่งกุมมือเจ้าสาวแสนสวยของเขาไว้ตลอดเวลา

แดนไทถ่ายภาพเสร็จแล้วถึงกับยืนเคว้ง เพิ่งรู้ตัวว่าห่างหายจากการเข้าสังคมไปนานจนทำตัวไม่ถูก

“ไอ้แดน ถ่ายเสร็จก็มาทางนี้สิวะ ไปนั่งโต๊ะโน้นเลยมึง เพื่อนสมัยประถมสุมหัวกันอยู่ตรงโต๊ะมุมขวาโน่น” พงษ์กวักมือเรียก

นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แดนไทคิดอยู่นานว่าควรมางานนี้หรือไม่ โดยปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครอยู่แล้ว แต่กับพงษ์นั้นสนิทกันมากเพราะสมัยยังเด็กบ้านอยู่ติดกัน เรียกว่าเกิดมาก็มีพงษ์เป็นเพื่อนคนแรกๆ แต่ต่างต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่กำลังจะขึ้นชั้นมัธยม เนื่องจากครอบครัวพงษ์พ่อเป็นนายตำรวจย้ายไปอยู่ทางเหนือ แต่ก็ยังติดต่อกันเป็นระยะ ดังนั้นหากถามว่าเพื่อนของทั้งคู่เป็นกลุ่มเดียวกันไหมจึงตอบได้ไม่เต็มปากนัก อีกอย่าง เพื่อนสมัยประถมนั้นห่างหายกันไปนาน แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย ทำให้แดนไทเกิดอาการอึดอัดเล็กน้อยกับการต้องมางานนี้

หากทว่าภาพของ ‘น้องปลาย’ ยังฝังอยู่ในใจ ‘พี่แดน’ อย่างช่วยไม่ได้ ความผูกพันในวัยเด็กนั้นแน่นหนาจนแดนไทตัดสินใจมาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าสาวในวันนี้

พงษ์เดินมาส่งถึงโต๊ะที่มีเพื่อนสมัยประถมนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ฝากไอ้แดน เสือที่เพิ่งยอมออกจากถ้ำไว้ด้วยนะพวกมึง เดี๋ยวกูต้องไปช่วยบ่าวสาวต้อนรับแขก”

เพื่อนๆ ตื่นเต้นกับการได้พบแดนไทอีกครั้ง จะว่าไปที่ผ่านมาแดนไทค่อนข้างเก็บตัวจริงอย่างพงษ์บอก ด้วยนิสัยขรึมๆ และพูดน้อยอยู่แล้ว พอมารวมกับเหตุการณ์สารพัด ตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิตไปจากการคลอดลูก แล้วยังมาบวกกับการเพิ่งอกหักจากพริกหวาน พี่เลี้ยงของลูกชายเขาอีก ทำให้แดนไทกลายเป็นคนไม่อยากเข้าสังคมไปเลย

หลังจากกิน ดื่มไปสักพักเพื่อนๆ ก็เริ่มหน้าแดง คุยเสียงดัง ในขณะที่แดนไทนั้นไม่แตะแอลกอฮอล์เลย ตามคำขอของไข่มุก ภรรยาผู้ล่วงลับของเขา พ่อแม่ของไข่มุกเคยประสบอุบัติเหตุรถชนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพียงเพราะคู่กรณีเมาแล้วขับ ทำให้เธอฝังใจ ไม่อยากให้เขาดื่มเหล้า ซึ่งแดนไททำตามที่ภรรยาขอร้องมาตลอด

กำลังอึดอัดได้ที่ พิธีการบนเวทีก็เริ่มขึ้น ภาพบนจอใหญ่ฉายให้เห็นการเติบโตของความรักระหว่างคู่บ่าวสาวซึ่งดูเหมาะสมกันทุกด้าน ฝ่ายชายเป็นแพทย์เฉพาะทาง ฝ่ายหญิงเป็นพยาบาลสาวสวย...ใช่! ปลายฝนสวยมากจริงๆ โดยเฉพาะในคืนนี้ จากชุดขาวในวิชาชีพมาสวมชุดขาวแบบเจ้าสาว เธอโดดเด่นงดงามแม้ชุดที่สวมจะดูเรียบๆ ตัดเย็บแบบพอดีตัว ไม่ถึงกับกรุยกราย แต่การตกแต่งที่ไม่มากกลับยิ่งขับเน้นให้เห็นรูปร่างอันสมบูรณ์แบบ มีความเท่รวมอยู่ด้วย...เรียกว่าทิ้งเค้าเก่าของ ‘น้องปลาย’ จอมขี้แยไปอย่างสิ้นเชิง

“จบไปแล้วนะครับ กับเรื่องราวความรักหวานๆ ของคุณหมอศรุตกับคุณพยาบาลปลายฝน ซึ่งต่อไปจะร่วมชีวิตและมีความสุขกันตราบชั่วนิรันดร์”

“ชั่วนิรันดร์งั้นเหรอ! เอาให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อนเถอะ อีนังสารเลว! แย่งผัวคนอื่นแบบหน้าด้านๆ”

คำด่าทอต่อว่าหยาบคายนั้นทำให้แขกทั้งห้องสะดุ้งสุดตัว ไม่เว้นแม้แดนไทซึ่งปกติไม่ตกใจอะไรง่ายๆ เสียงแสบแก้วหูเพราะคนพูดแย่งไมโครโฟนจากพิธีกรไป แล้วสาดคำอันแสนเจ็บแสบประกาศก้องให้ทุกคนรับรู้นั้นช่างน่าตื่นตระหนก แดนไทใจหาย คนแรกที่เขาส่งสายตาห่วงใยไปให้คือปลายฝน เจ้าสาวผู้ถูกกล่าวหายืนตัวแข็งทื่ออยู่บนเวที ส่วนเจ้าบ่าวนั้นใบหน้าซีดเผือด

“นั่นมันรสา ดาราดังนี่หว่า ใช่ปะวะพวกมึง” เสียงเพื่อนในโต๊ะถามออกมา แม้จะเบาแต่กลับฟังชัดท่ามกลางความเงียบจากการตกตะลึงของคนทั้งห้อง

“ใช่ว่ะ พันเปอร์เซ็นต์ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย”

ใช่! แดนไทก็อยากถามคำนั้นเหมือนกัน ฉากเหมือนในละครน้ำเน่ากำลังเกิดขึ้นต่อหน้าเขา และแม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่เขายังอดเข้าข้างน้องเพื่อนไม่ได้ ยังเชื่อว่าปลายฝนไม่น่าจะไปแย่งแฟนใคร

“ทุกคนฟังนะ รสาคือเมียคุณหมอศรุต แล้วรสาก็กำลังท้องอยู่ด้วย หมอรุตทำรสาท้องได้สองเดือนแล้ว แต่เขาแอบมาแต่งงานกับสาวอื่น ทำแบบนี้ทุกคนเห็นด้วยและสนับสนุนเหรอคะ ถึงได้มานั่งเป็นแขกในงานอัปยศนี่ รสาบอกเลยว่าไม่มีทางยอมให้สามีและพ่อของลูกในท้องไปแต่งงานกับสาวอื่นแน่ ขอให้แขกทุกคนคิดซะว่างานนี้ไม่เคยเกิดขึ้น หมอรุตคะ บอกแขกเหรื่อหน่อยสิ ว่าลูกในท้องเนี่ย ใช่ลูกคุณไหม ขอแบบลูกผู้ชายนะคะ ไม่งั้นรสาเอาเรื่องแบบไม่ต้องผุดต้องเกิดแน่”

แขกทุกคนนิ่งงัน ความเงียบที่แม้เข็มตกบนพื้นยังได้ยินทำเอาแดนไทอึดอัด อีกครู่ใหญ่เจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาวจึงรับไมค์ไปจากรสา กรอกเสียงลงไปเบาๆ

“จริงครับ รสาท้องกับผม ผมขอโทษทุกคนด้วย”

เท่านั้นเอง เจ้าสาวในชุดขาวก็วิ่งลงจากเวที ความโกลาหลเกิดขึ้นแบบฉับพลัน แขกในงานต่างลุกจากโต๊ะแล้วทยอยเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง แน่นอนว่ามีหลากหลายความรู้สึกปะปน และหลายคนงุนงง ไม่พอใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เจ้าบ่าวเพิ่งสารภาพ ลึกๆ แล้วยังอยากให้เจ้าภาพไปตกลงกันเองเงียบๆ มากกว่าจะมาป่าวประกาศฉีกหน้ากลางงานเช่นนี้

การไม่รู้ว่าใครถูกใครผิดทำให้แขกส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินออกจากสถานการณ์อย่างเต็มใจ

----------

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเท้าที่พาแดนไทก้าวไปตามทางเดินในโรงแรมจึงได้ช้านัก เขาเหมือนรออะไรบางอย่าง จะว่ารอเพราะอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องระทึกขวัญบนเวทีเมื่อครู่ก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว ปกติเขาเป็นคนไม่สนใจเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว

แต่คราวนี้ ‘ชาวบ้าน’ คนนั้นคือปลายฝน หรือ ‘น้องปลาย’ ในวัยเด็กของเขา นั่นทำให้แดนไทรีรอ ถึงขั้นเดินวนไปมาในล็อบบีโรงแรมอยู่พักหนึ่งโดยไม่มีจุดหมายว่าทำไปเพื่ออะไร

ภาพเด็กหญิงปลายฝนตอนอายุแค่สี่ขวบปรากฏขึ้นในสมอง น้องตัวน้อยตากลมติดแดนไทเป็นตังเม ทุกครั้งที่พงษ์มาหาเขาที่บ้านไร่ น้องปลายเป็นต้องร้องตามมาด้วย และแน่นอนว่าคนไม่เคยมีน้องอย่างแดนไทย่อมนึกเอ็นดูเด็กหญิงผิวอ่อนใส ใบหน้าแป้นแล้นถักผมเปียสองข้างคนนี้เป็นธรรมดา

‘ไอ้แดน มึงอะ ตามใจน้องกูทำไม ดูดิ มันชอบตามกูมาเล่นบ้านมึงตลอด แทนที่จะได้เล่นโลดโผนหนุกๆ กูเลยต้องมาคอยระวังน้องอีก’ พงษ์บ่น

‘อยู่บ้านน้องปลายคงเหงาน่ะ มึงยอมๆ น้องบ้างสิวะ ตามมาบ้านกูก็ไม่เห็นลำบากอะไรเลย แค่กูไปขอขนมบ้าบิ่นจากนมเป่งแล้วยื่นให้น้องปลายจานเดียว น้องก็นั่งกินไป ดูเราเล่นไป มันลำบากมึงตรงไหนวะ’

แดนไทออกจะเข้าใจทั้งเพื่อนและน้องสาวเพื่อน บ้านของพ่อแม่พงษ์ที่รั้วติดกับไร่ของเขานั้นหลังกะทัดรัด มีที่ดินเพียงไม่น่าเกินสองร้อยตารางวา ในขณะที่บ้านไร่ของตระกูลเขานั้นกว้างใหญ่ไพศาล คุณปู่ทวดผู้ก่อตั้งค่อยๆ ขยายอาณาเขตจนกว้างขวาง ยิ่งมารุ่นปู่รุ่นพ่อของแดนไทไร่ก็ยิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด กลายเป็นไม่ได้เน้นเฉพาะไร่เผือก แต่ขยับขยายไปปลูกพืชอื่นๆ หลากหลายชนิด สำหรับเด็กๆ แล้ว บ้านไร่นี้คือที่วิ่งเล่นชั้นดีซึ่งหาที่ไหนไม่ได้

‘ก็กูรำคาญ อยากมีช่วงที่ไม่มีน้องบ้าง แม่งโคตรโยเยเลย’

ด้วยความที่พี่น้องคู่นี้อายุห่างกันตั้งหกปี ทำให้บางครั้งคนเป็นพี่ชายคงเบื่อกับความงอแงของน้องสาว แต่ถ้าพงษ์ลองมาเป็นอย่างแดนไทที่เป็นลูกคนเดียวละก็ จะรู้ว่าการมีเด็กอีกคนในบ้านนั้นทำให้หายเหงาไม่น้อย

แดนไทจึงตามใจน้องปลายจนเด็กหญิงติดเขาแจ แม้พี่ชายจะไม่ค่อยอยากให้มาเล่นด้วย แต่เธอยังตามมาบ้านแดนไททุกครั้ง เด็กสามคนที่บ้านรั้วติดกันจึงรักและผูกพันกันมากโดยไม่รู้ตัว...

แต่มาวันนี้แดนไทรู้ตัวแล้ว ถ้าไม่มีความผูกพันวัยเด็ก เขาคงไม่ห่วงน้องปลายขนาดนี้ ต่อให้ปัจจุบันเธอกลายเป็นพยาบาลสาวไปแล้ว ความรู้สึกของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากเดินออกจากโรงแรมที่จัดงานเชื่องช้าเกินเหตุแล้ว แดนไทยังเถลไถล เดินไปสอดส่องมองหาหญิงสาวในชุดขาวแสนสง่าจนทั่วโรงแรม ไม่เว้นแม้สวนเล็กๆ ทางด้านหลัง ติดกับลานจอดรถ

ในที่สุดจึงพบเป้าหมาย ชุดเจ้าสาวสีขาวเด่นสะดุดตาอยู่กลางสวน แม้เธอจะเลือกนั่งหลบมุมเพียงใดก็ตาม

ไม่รู้อะไรดลใจให้แดนไทค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เพื่อให้เห็นชัดขึ้น เขาอยากรู้ว่าปลายฝนเป็นอย่างไรบ้าง และจะไหวไหม กับการต้องเผชิญสถานการณ์เลวร้ายสำหรับผู้หญิงบอบบางอย่างเธอ ไม่ว่าเธอจะถูกหรือผิด แต่เหตุการณ์เมื่อครู่นั้นโหดร้ายเกินไปจริงๆ

เสียงสะอื้นไห้ของปลายฝนคือคำตอบ ความปวดร้าวราวกับวนเวียนอยู่รอบกายหญิงสาว มือเรียวยกขึ้นปิดหน้า พยายามกลั้นไม่ให้เกิดเสียงจนเป็นที่สนใจ ภาพที่เห็นทำให้แดนไทเดินตรงเข้าไปหา ตัดสินใจแล้วว่าต้องปลอบ

“ปลาย มานั่งอยู่ตรงนี้เอง มืดก็มืด เดี๋ยวยุงกัดหรอก”

เสียงนั้นไม่ใช่เสียงเขา แต่เป็นเสียงของพงษ์ที่ดังขึ้น แดนไทชะงักฝีเท้า รีบเร้นกายหลบอยู่หลังพุ่มไม้ หากยังได้ยินเสียงสองพี่น้องคุยกัน

“พี่พงษ์ไม่คิดจะถามสักคำเหรอ ว่าปลายแย่งสามีคนอื่นจริงไหม”

“จะถามเพื่อ? พี่มั่นใจว่าถ้าแกรู้ว่าไอ้หมอเฮงซวยนั่นมีเมียแล้ว คงไม่ยุ่งกับมันแน่ พี่รู้จักแกดีกว่าใคร”

แทนคำพูด ปลายฝนโผเข้าสู่อ้อมกอดพี่ชาย ร้องไห้โฮๆ ราวกับเด็กเสียขวัญ

“ขอบคุณนะพี่พงษ์ที่เชื่อใจปลาย ปลายไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ พี่ต้องเชื่อนะว่าปลายไม่ได้ตั้งใจ...”

“เออๆ ไม่เชื่อน้องสาวแล้วจะเชื่อใครล่ะ ไปกันเหอะ กลับบ้านก่อน แล้วค่อยๆ แก้ปัญหา อย่ามานั่งร้องไห้แบบนี้ เสียฟอร์มน้องสาวจอมแสบของพี่หมด”

สองพี่น้องเดินออกจากบริเวณสวนหย่อม ทิ้งให้แดนไทแอบยืนมองกระทั่งทั้งคู่ไปถึงรถ ครู่หนึ่งรถของพงษ์จึงออกตัวไป

สงสาร...คือคำเดียวที่อยู่ในใจแดนไทตอนนี้

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com