ปลายฝนบอกตัวเองว่าเริ่มชินแล้วล่ะ กับการมาพักอยู่ในแฟลตพยาบาลแห่งนี้ หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอเริ่มปรับตัวได้ จะว่าไปก็ไม่ลำบากอะไร มีร้านอาหารของโรงพยาบาล ราคาประหยัดอีกต่างหาก หรือถ้าเบื่อตึกแถวอาคารพาณิชย์หน้าโรงพยาบาลนั้น เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นร้านอาหารสารพัดชนิด มีร้านสะดวกซื้ออีกต่างหาก
หญิงสาวย้ำกับตัวเองว่าแบบนี้แหละดีแล้ว น่าจะดีกว่าการต้องไปขออาศัยอยู่กับแดนไท รุ่นพี่ที่แม้จะสนิทกับพี่ชายเธอแค่ไหน แต่ก็กล้าปฏิเสธไม่ยอมให้เธอไปพักด้วย ปลายฝนแอบน้อยใจนิดๆ เพราะในความรู้สึกเธอนั้น แดนไทเป็นคนใจดีมาก แม้ล่าสุดที่เจอกันในวันงานแต่งอันแสนอัปยศของเธอ ปลายฝนยังรู้สึกถึงแววตาอบอุ่นของเขา...หรือเธอมองผิดไป ถ้าใจดีจริงคงไม่ปล่อยให้เธอมาพักในแฟลต ทั้งที่พงษ์เป็นห่วง อยากให้พักที่บ้านแดนไทในระยะแรกเพื่อความสะดวกและไม่เหงา รอจนน้ำปิงย้ายมาในอีกสามเดือนข้างหน้าค่อยมาพักที่แฟลตห้องเดียวกัน แต่ใครจะเชื่อว่าแดนไทปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ทำเอาเธอใจหาย
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลายฝนซึ่งอยู่ในชุดพยาบาลสีขาวเตรียมพร้อมจะออกไปทำงานจึงรีบไปเปิดประตู คิดว่าคงเป็นพี่พยาบาลห้องข้างๆ ที่มักแบ่งของกินยามเช้ามาให้เธอบ่อยๆ
ทันทีที่ประตูเปิดออก ยังไม่ทันตั้งตัว มือเรียวของผู้บุกรุกก็ตวัดลงบนใบหน้าปลายฝนเสียงดังฉาดใหญ่ ตามด้วยร่างสูงโปร่งของรสา ดาราสาวสวยซึ่งถือวิสาสะถลาเข้ามาในห้องอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ
“นั่นเป็นการตอบแทนอันสาสมที่แกริอ่านมาแย่งผัวฉัน ฉันอยากตบแกตั้งแต่วันแต่งงานแล้วแต่แกวิ่งหนีไปซะก่อน วันนี้ได้ทำซะที สะใจชะมัด!”
รสาระเบิดหัวเราะ ใบหน้าแดงก่ำนั้นเต็มไปด้วยแววโกรธเกลียด ปลายฝนยังตกใจไม่หาย มือของเธอลูบลงบนข้างแก้มด้านซ้ายที่เพิ่งโดนผู้บุกรุกฝากรอยมือไว้
“นี่คุณทำเกินไปแล้วนะ อยู่ดีๆ มาตบกัน ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจ”
ปลายฝนถลาเข้าไปหาดาราสาว ยั้งมือตัวเองไม่ให้ตวัดตอบแทนที่เธอเพิ่งโดนตบไปเมื่อครู่
“กล้าดีก็เรียกเลย เรื่องมันจะได้บานปลายให้ชาวบ้านรู้กันให้ทั่วว่าอีพยาบาลคนนี้ไงที่คิดจะจับหมอ ถึงขนาดลงทุนแย่งผัวคนอื่นหน้าตาเฉย แล้วยังบังอาจย้ายตามคุณหมอรุตมาสุพรรณอีก นังหน้าด้าน!”
ปลายฝนตั้งสติ ยังพยายามอธิบาย “ไม่ได้ย้ายตามมานะ ฉันทำเรื่องขอย้ายไว้ตั้งแต่ก่อนงานแต่งแล้ว อีกอย่างขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้ว่าพี่รุตมีเมียแล้ว ถ้ารู้ฉันไม่มีวันแต่งกับเขาแน่”
“ให้มันจริงเหอะ ช่วยกันปิดล่ะสิไม่ว่า นึกว่าฉันโง่หรือไง แอบจัดงานกันเงียบๆ แล้วเป็นไง โดนล้มไม่เป็นท่า จำไว้นะว่าคนอย่างรสา ไม่ยอมให้ใครมาแย่งผัว ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกในท้องคนนี้”
คนพูดเอามือลูบท้องน้อยเบาๆ รสารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอต้องดิ้นรนทำทุกทางเพื่อลูก เธอจะไม่เป็นเหมือนแม่ตัวเองที่ไม่เคยปกป้องความรู้สึกของเธอเลย แม่ปล่อยให้พ่อหลุดมือไปเป็นของนังเมียหลวง ทั้งที่เห็นๆ อยู่ว่าพ่อรักแม่มากกว่า แล้วในที่สุดรสาเองจึงมีสถานะเป็นแค่ ‘ลูกเมียน้อย’ ไปตลอดชีวิต
แม่รสาเคยถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เมียน้อย’ แต่ตัวรสาเองไม่มีทางยอม ชาตินี้เธอจะมีฐานะเป็น ‘เมียหลวง’ เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นแน่นอน!
ปลายฝนยังคงยืนตะลึงกับการกระทำอันอุกอาจของรสา ครู่หนึ่งจึงตะโกนย้ำ
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ หรือจะให้ฉันเรียก รปภ. มาลากตัวไป”
“ไม่ต้องขนาดนั้นมั้ง ฉันแค่มาดูให้เห็นกับตา ได้รู้ว่าแกพักที่นี่จริงๆ ด้วย แฟลตพยาบาลในปีกที่ใกล้กับบ้านพักหมอรุตอีกต่างหาก คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกคิดจะแย่งหมอรุตไปจากฉันให้ได้”
“บ้าไปแล้ว! พูดอะไรออกมาเนี่ย ฉันไม่เคยมีเจตนาแบบนั้น ห้องนี่ทางโรงพยาบาลก็จัดให้ ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่รุตอยู่บ้านหลังไหน”
“น่าเชื่อตายละ แกคงไม่รู้ล่ะสิว่าฉันมีสายอยู่ในโรงพยาบาล มีภาพที่หมอรุตกับแกคุยกัน เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วจะไม่ให้ฉันคิดเหรอว่าจะไปต่อที่ไหนอีกหรือเปล่า”
พยาบาลสาวตกใจกับความเข้าใจผิดของรสา จริงอยู่ที่เธอกับศรุตได้เจอกันบ้าง แต่ทุกครั้งล้วนด้วยความบังเอิญ พูดได้ว่าเธอพยายามหลบหน้าเขาอย่างที่สุดแล้ว แต่การทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน กินข้าวในโรงอาหารเดียวกันทำให้มีโอกาสเจอกันบ้าง เจ้ากรรมที่มีคนจ้องจับภาพเอาไปส่งให้รสา เป็นเรื่องที่ปลายฝนนึกไม่ถึงจริงๆ
“ทุกอย่างที่คุณพูดมามันไม่ได้มีอะไรเลย เราบังเอิญเจอกัน ทักทายกันตามประสาผู้ร่วมงาน” ปลายฝนยังพยายามอธิบาย คิดว่าการพูดคุยด้วยเหตุผลน่าจะทำให้รสาเข้าใจได้
“อย่ามาพูดเลย ผู้ร่วมงานที่อยากร่วมเตียงละไม่ว่า นี่ดีนะที่ฉันบังคับหมอรุตให้ทำเรื่องย้ายไปทางใต้แล้ว เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วก็ย้ายไปสร้างครอบครัวที่ภูเก็ต รู้ไว้ซะด้วยว่าอย่ามายุ่งกับผัวฉัน”
“ฉันไม่เคยยุ่ง คุณคิดไปเองทั้งนั้น ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย อย่ามายุ่งกับชีวิตฉัน” พยาบาลสาวย้อนศรพร้อมผลักผู้บุกรุกให้ออกไปจากห้องเธอเสียที
“ได้! ฉันจะไม่ยุ่ง แต่มีข้อแม้ว่าแกก็ต้องไม่ยุ่งกับสามีฉันเหมือนกัน ไม่งั้นฉันจะเอาเรื่องจนแกต้องออกจากราชการเลย คอยดูสิ”
รสาเดินจากไป ปลายฝนเจ็บใจตัวเองที่ไม่ได้ตอบโต้ให้รุนแรงกว่านั้น เพราะมัวแต่ตกใจ เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พงษ์พี่ชายเธอพูดกรอกหูตลอดเวลาอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้...
‘แกเป็นคนนุ่มนวล ใจอ่อนจะตายไป อย่างแกจะไปต่อกรกับใครไหว พี่เลยพยายามให้แกมีพวกเดียวกันคอยอยู่ข้างๆ ไว้ตลอดไง ช่วงแรกๆ ไปอยู่บ้านเพื่อนพี่ก่อน พอน้ำปิงมาค่อยอยู่ด้วยกันที่แฟลต แบบนี้พี่ถึงจะหายห่วง ใครจะรู้ว่านังบ้านั่นมันจะบุกมาวันไหน เท่าที่ไปสืบรู้มายายรสานี่เป็นพวกมีปม กลัวเสียของรัก มันกล้าทำลายงานแต่งจนยับขนาดนั้น มันต้องกล้าราวีแกแน่ พี่เป็นห่วงนะ’
แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อทุกอย่างมันผิดแผนไปหมดเพราะแดนไทไม่ให้การช่วยเหลือ จึงต้องมีช่วงที่ปลายฝนโดดเดี่ยวและยืนหยัดด้วยตัวเอง รอจนกว่าน้ำปิงจะย้ายมา
ถึงเวลาที่เธอต้องลุกขึ้นสู้อย่างจริงจัง ให้มันรู้ซะบ้างว่าคนอย่างปลายฝนก็สู้คนนะ!
----------
“ปลาย! แก้มไปโดนอะไรมาน่ะ ช้ำหมดเลย”
พี่พยาบาลปรี่เข้ามาหาทันทีที่เห็นสภาพแก้มด้านซ้ายของปลายฝน แม้จะสวมหน้ากากอนามัยปิดบังไว้แต่ก็ไม่หลุดพ้นสายตาของคนช่างสังเกต
พี่แต้วปลดหน้ากากอนามัยของปลายฝนออก เมื่อได้เห็นรอยช้ำถนัดๆ ก็ถึงกับลากตัวเธอเข้าไปคุยกันในห้องตรวจซึ่งยังไม่มีใครในนั้น
“บอกพี่มานะว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำปลายแบบนี้”
“พี่แต้วคะปลาย...โดนภรรยาอาจารย์ศรุตตบหน้าที่ห้องเมื่อเช้าค่ะ”
จากนั้นเรื่องราวทั้งหมดที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังก็หลั่งไหลออกจากปากปลายฝน หญิงสาวมั่นใจว่าพี่แต้วจะไม่ไปบอกต่ออย่างแน่นอน ด้วยความเป็นพยาบาลผู้ใหญ่ที่หวังดี มีใจเมตตากับเธอซึ่งเพิ่งย้ายมาใหม่มาโดยตลอด
“ไม่ได้แล้วนะ แบบนี้ไปแจ้งความดีไหม มันบุกทำร้ายร่างกายกันชัดๆ”
“พี่แต้วคะ ปลายไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ขอดูสถานการณ์อีกสักพักนะคะ พอดีคราวนี้ปลายไม่ทันตั้งตัวด้วย เลยโดนจู่โจม ต่อไปปลายจะระวังตัว และระวังกับอาจารย์ศรุตด้วย ต้องห่างๆ เข้าไว้ รสามีสายสืบอยู่ในโรงพยาบาล คอยส่งรูปส่งคลิปให้น่ะค่ะ”
“น่ากลัวมาก ไม่เคยนึกเลยว่าดาราระดับนางเอกแถวหน้า ตัวจริงจะร้ายกว่านางอิจฉาในละครเสียอีก เราต้องไม่ยอมมันนะจ๊ะปลาย พี่บอกเลยว่านี่ต้องเป็นครั้งสุดท้ายที่ถูกทำร้ายร่างกาย พี่จะไปบอกอาจารย์ศรุตไว้ ว่าปลายโดนขนาดนี้ เขาต้องรู้ จะได้ไปปรามเมียตัวเองไง”
“แต่...จะดีเหรอคะพี่แต้ว” ปลายฝนไม่ได้กลัวรสา แต่เธอกลัวที่สุดคือการที่เรื่องอัปยศแพร่กระจายในหมู่บุคลากรของโรงพยาบาล และไม่รู้เลยว่าเรื่องราวจะผิดเพี้ยนจากความจริงไปเพียงใด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงทำงานที่นี่อย่างไม่มีความสุขแน่นอน
“ดีไม่ดีพี่ก็จะบอกอาจารย์ไว้เบื้องต้นก่อน ปลายอยู่เฉยๆ ของปลายแบบนี้แหละ ที่เหลือพี่จัดการเอง” น้ำเสียงมุ่งมั่นของพยาบาลสาวใหญ่ทำเอาปลายฝนไม่กล้าแย้งมากไปกว่านั้น
แต่จะว่าไปลึกๆ แล้วเธอกลับเกิดความรู้สึกว่าพี่แต้วคือไอดอลในการ ‘สู้คน’ ปลายฝนรู้ตัวดีว่าถ้ายังอยากต่อกรกับรสา เธอต้องพัฒนาฝีมือให้เข้าใกล้พี่แต้วให้ได้!
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **