“ไปหน่อยน่าปลาย แป๊บเดียวเอง อาจารย์รุตอยากกินข้าวกับแกจริงๆ นะ”
เสียงอ่อยๆ ของน้ำปิงนั้น ฟังออกว่าเป็นการขอร้องแกมบังคับชัดๆ ในเมื่อคุณเธอเล่นไปตกปากรับคำกับนายแพทย์ศรุตแทนปลายฝนเสียดิบดีทั้งที่ไม่ได้ถามกันก่อนสักคำ
“แกเซย์เยสไปแล้ว แกก็ไปกินข้าวกับเขาเองซะเลยสิ นังปิงบ้า! ฉันล่ะรำคาญ” ปลายฝนส่งค้อนให้เพื่อน ยังคงบ่นต่อ “บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าฉันไม่สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยเชื่อในความรัก ถ้ารักแท้มีจริง พ่อกับแม่ฉันคงไม่หย่ากัน แถมต่างคนต่างมีใหม่ได้แบบชิลๆ ขนาดนั้นหรอก”
ปลายฝนไม่ได้พูดเกินจริง แม้ตอนนั้นยังอยู่ในวัยมัธยม แต่เธอจำสีหน้าของพ่อที่เพิ่งหย่ากับแม่ กำลังเดินควงภรรยาใหม่ด้วยท่าทีสดชื่นแจ่มใสในตลาดได้ดี เธอกระตุกมือแม่ให้หันไปมอง แค่นับหนึ่งถึงสามหลังจากแม่เห็นภาพนั้น น้ำตาของท่านก็ไหลอาบแก้ม และเหตุการณ์นั้นยังฝังในใจปลายฝนมาตลอด แต่ที่พีกสุดคือต่อมาอีกไม่ถึงปี แม่เริ่มมีหนุ่มมาติดพัน ในที่สุดแม่ก็จากเธอกับพี่ชายไปสร้างครอบครัวใหม่อีกคน
“ปลาย ฉันขอร้องล่ะ นี่หวังดีนะถึงได้อยากให้แกลองสัมผัสความรักบ้าง อาจารย์รุตมีใจให้แกมานาน อย่าทำเป็นซื่อบื้อหน่อยเลย ต่อให้โง่แค่ไหนก็ดูออกว่าคุณหมอสุดหล่ออะชอบแก ไม่งั้นคงไม่เทียวมาหาแกถึงห้องอีอาร์เป็นว่าเล่นแบบนี้หรอก แกคิดว่าหมอสูติฯ ว่างนักหรือไง เขาทำขนาดนี้แกยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ เป็นฉันละก็ ออกไปกินข้าวกับเขาตั้งแต่ปีที่แล้วละ”
พอน้ำปิงพูดขึ้นมา ปลายฝนจึงเพิ่งนึกได้ว่าศรุตเริ่มสนใจเธอมาเป็นปีแล้วเหมือนกัน แต่เธอยังไม่ใจอ่อนง่ายๆ ประสบการณ์ล้มเหลวในชีวิตแต่งงานของพ่อกับแม่ทำเอาปลายฝนไม่เชื่อในความรักมาตลอด นอกจากไม่เชื่อ เธอยังตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน เธอไม่เคย ‘อิน’ กับงานแต่งใดๆ ที่ไปเข้าร่วมเลยสักนิด
จะว่าไปนายแพทย์ศรุตแอบเขย่าหัวใจเธอได้ไม่น้อยเหมือนกัน เริ่มจากรูปลักษณ์อันน่าประทับใจ ถ้าให้สาวๆ มาลงความเห็นกันละก็...ร้อยทั้งร้อยต้องบอกว่าศรุตหล่อและมีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามอย่างรุนแรง ด้วยความสูงร้อยแปดสิบสองเซนติเมตรกับใบหน้าที่ ‘โอป้า’ คนไหนก็ต้องชิดซ้าย เขาดูหล่อสะอาดใสไร้มลพิษอย่างแท้จริง ดูคล้ายดาราเกาหลีใจดีที่มาเดินวนไปวนมาในโรงพยาบาล ผ่านไปตรงไหนสาวๆ สารพัดวัยต้องมองจนเหลียวหลัง ไหนยังบวกเพิ่มไปด้วยดีกรีแพทย์เฉพาะทางสูติ-นรีเวชที่เขาได้รับมา จึงยิ่งสร้างความน่าประทับใจมากขึ้นไปอีก
แต่เหตุไฉนป่านนี้เขายังไม่มีแฟน
นั่นสิ! นี่เป็นเรื่องน่าคิดที่พาให้คนทั้งโรงพยาบาลประหลาดใจ แต่เท่าที่ฟังมา เหล่าบุคลากรต่างลงความเห็นว่าคงเป็นเพราะชีวิตที่ผ่านมาคุณหมอเรียนหนักมาก ทำงานหนักมาตลอด จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว รู้ๆ กันอยู่ว่าการเรียนแพทย์นั้นยาวนาน กว่าจะมาถึงการจบเฉพาะทาง จนในที่สุดบังเอิญมีตำแหน่งว่าง ศรุตจึงได้มาประจำอยู่โรงพยาบาลขนาดกลางทางเหนือแบบนี้ เขาคงเริ่มผ่อนคลายลง และมีเวลาสรรหาสาวคู่กายไว้ร่วมชีวิต
แล้วหวยก็มาออกที่พยาบาลสุดแสนธรรมดาอย่างปลายฝนเนี่ยนะ!
ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ เธอไม่มีทางโชคดีขนาดนั้น
แม้จะตอกย้ำกับตัวเองเช่นนั้น แต่การกระทำของคุณหมอหนุ่มก็ชวนให้ปลายฝนค่อยๆ แน่ใจว่าศรุตสนใจเธอจริงๆ เพียงแค่เขาไม่ใช่สายบุกตะลุย จึงใช้วิธีเข้ามาผูกสัมพันธ์อย่างนุ่มนวล เช่นทำเป็นเดินมาหาเพื่อนแพทย์ในห้องอีอาร์ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ตามด้วยการเข้ามาทักทายปลายฝนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดเริ่มสนิทกันในระดับหนึ่ง และถึงวันนี้จึงเริ่มชวนไปกินข้าวสองต่อสองผ่านทางน้ำปิงเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งก็เจ้ากรรม เพื่อนตัวดีดันตอบตกลงแทนไปแล้วหน้าตาเฉย
“กินที่ไหนอะ”
ปลายฝนแสร้งถามแบบไม่ใส่ใจ ทั้งที่หัวใจเริ่มเต้นแรง
“อาจารย์รุตเปิ้นไค่กิ๋นกับข้าวเมืองลำๆ ข้าเจ้าเลยแนะนำฮ้าน ‘ของกิ๋นคนเมือง’ ไป ท่าจะดีเนาะฮ้านนี้ ตี้เฮาเกยกิ๋นกันเตื้อนึ่ง ปลายจ๋ำได้ก่”
สาวเหนือแท้ๆ อย่างน้ำปิงพยายามเบนความสนใจเพื่อนด้วยการแกล้ง ‘อู้กำเมือง’ ใส่สาวสุพรรณโดยกำเนิดอย่างปลายฝน เอาให้งงๆ ไปก่อน แม้รู้ดีว่าปลายฝนนั้นสามารถฟังและพูดภาษาเหนือได้ไม่แพ้ใคร เนื่องจากย้ายจากสุพรรณมาอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่สี่ขวบ
“อืม ถ้าอยากกินอาหารเหนือ ก็ควรเป็นร้านนั้นแหละ แล้วนี่แกนัดอาจารย์รุตกี่โมง”
“แน่ะ! ไหนว่าไม่ไปไง ถามละเอียดเชียวนะยะ” น้ำปิงยิ้มร่า ดีใจที่ปฏิบัติการแม่สื่อจำเป็นของเธอมีแววสำเร็จ
“เออๆ ฉันไปก็ได้ แกจะได้ไม่หน้าแตกไง อุตส่าห์ไปนัดเขาไว้ซะดิบดี”
ปลายฝนอ้างว่าทำเพื่อเพื่อน แต่ถ้าถามใจตัวเองลึกๆ แล้วเธออยากลองให้โอกาสตนเองได้ทำความรู้จักกับความรักบ้าง
“เย่ๆ เดี๋ยวจะรีบโทร.ไปบอกอาจารย์รุตเลย ว่าแกตกลงรับนัด แต่ตอนนี้ฉันไปทำงานก่อนนะ ใกล้สายละ”
น้ำปิงในชุดพยาบาลมีสีหน้าระรื่นขึ้นทันควัน เร่งเดินไปจนถึงประตูห้องพัก ก่อนออกไปยังไม่วายหันมาบอกปลายฝน
“แกเพิ่งออกเวร รีบนอนซะให้เต็มที่ เย็นนี้จะได้สวยโดดเด้ง เอาให้สมกับตำแหน่งอดีตรองนางสาวเชียงใหม่หน่อยนะ หนุ่มที่นัดไปกินข้าวเห็นจะได้ชื่นใจ ฉันล่ะแอบดีใจที่การรอคอยของอาจารย์รุตผู้น่าสงสารสิ้นสุดลงซะที”
‘สงสาร’ เช่นนั้นหรือ...คงจะใช่คำนี้แน่ๆ ที่ผลักดันให้ปลายฝนตกลงรับนัดคราวนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมาศรุตค่อยๆ ละลายภูเขาน้ำแข็งในใจเธอลงทีละน้อยด้วยความพยายามของเขา ดิ้นรนขนาดนั้นเธอจะยังเฉยชาคงกระไรอยู่
ทำไมปลายฝนจะไม่รู้ว่าเวลาของแพทย์นั้นหายากเพียงใด และถ้ามีก็มักใช้ไปกับการพักผ่อน แต่ศรุตกลับมาหาเธอถึงห้องฉุกเฉินบ่อยๆ บางครั้งแค่ได้ยิ้มทักทายกันเพราะเธอวุ่นกับงาน แต่เขาก็ยังมา จนปลายฝนถูกผู้ร่วมงานแซวบ่อยๆ ว่ามีหนุ่มมาเฝ้าให้กำลังใจ
เขาทำขนาดนี้ เธอคงไม่ใจจืดใจดำได้ลงคอ
การไปกินข้าวกันสองต่อสองกับศรุตคงทำให้เธอได้รู้จักเขามากขึ้นอีกนิด ปลายฝนพยายามตอกย้ำกับตัวเองว่าต้องไม่ปิดกั้นความรัก แม้ไม่เคยเชื่อในสิ่งนี้ แต่เธอควรลองสัมผัสดูสักครั้ง
----------
นับตั้งแต่วันที่เริ่มเปิดใจให้คุณหมอหนุ่ม ทุกอย่างดูดีไปหมด ใครจะเชื่อว่าพยาบาลสาวอย่างปลายฝนได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่ราวกับเป็นเจ้าหญิง แม้ทั้งศรุตและเธอต่างมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วงในโรงพยาบาล แต่ต้องยอมรับว่าการมีใครสักคนคอยใส่ใจห่วงใย หรือเพียงแค่กินข้าวมื้อกลางวันด้วยกันที่โรงอาหารนานๆ ครั้งก็ทำให้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ นี่ยังไม่นับรวมการนัดกินข้าวตามร้านอาหารอร่อยๆ สัปดาห์ละครั้ง ซึ่งถือเป็นโอกาสพิเศษสำหรับคู่รักที่ภารกิจยุ่งเหยิงอย่างแท้จริง
“ร้านนี้บรรยากาศดีมากเนอะปลาย ยิ่งพลบค่ำแบบนี้ยิ่งสวยเลย”
ศรุตเป็นฝ่ายชวนคุยขณะทั้งสองนั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะอาหารในมุมค่อนข้างส่วนตัว ร้านอาหารริมน้ำแห่งนี้เพิ่งเปิดไม่นานและทั้งคู่อยากลองว่าดีเลิศสมคำเล่าลือหรือไม่
“จริงค่ะพี่รุต อาหารยังอร่อยมากด้วย” ปลายฝนเริ่มเปลี่ยนมาเรียกเขาว่า ‘พี่รุต’ ได้แค่เดือนกว่า แม้จะยังไม่ชินปากเสียที แต่ศรุตขอร้องมาตลอดให้เธอเรียกเขาอย่างนั้น
“เดี๋ยวกินเสร็จพี่จะพาปลายไปร้านขนม ไม่ไกลจากที่นี่” แค่ได้ยินคำว่า ‘ขนม’ ดวงตาของปลายฝนก็เป็นประกายแล้ว ศรุตยังคงนำเสนอต่อ “ได้ข่าวว่าร้านน่ารักมากแล้วขนมยังอร่อยด้วยนะ สูตรเพื่อสุขภาพสุดๆ กินแล้วไม่ต้องรู้สึกผิด เพื่อนๆ ที่ฟิตเนสแนะนำให้พี่ไปหลายครั้งแล้ว ไม่มีโอกาสเสียที”
ดูเหมือนการออกกำลังกายจะเป็นกิจกรรมที่ให้ความสุขกับศรุตมาก หากมีเวลาแม้เพียงน้อยนิด เขาจะไปเข้ายิม ความสม่ำเสมอและจริงจังทำให้เขาได้ฉายา ‘คุณหมอหุ่นทรมานใจสาว’ ไปครองอย่างเป็นเอกฉันท์จากบุคลากรสาวน้อยสาวใหญ่ในโรงพยาบาล
“ไปค่ะไป ปลายอยากกินขนมอยู่พอดีเลย” ความหลงใหลในของหวานทำให้ปลายฝนตอบตกลงทันควัน
“นี่ถ้าไม่ใช่น้ำปิงเป็นคนเล่าว่าปลายเคยชนะประกวดถึงขั้นเป็นรองนางสาวเชียงใหม่ พี่ไม่มีทางเชื่อเลย นางงามอะไรกินเก่งขนาดนี้ แต่หุ่นยังเป๊ะมากนะ”
“โอ๊ย! ยายปิงตัวดี ปลายอุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด ปลายเขินนะ อยากลืมๆ ไปซะ”
“ลืมทำไม ประสบการณ์เยี่ยมยอดขนาดนั้น พี่ว่าน่าจดจำต่างหาก”
“พี่รุตไม่รู้อะไรค่ะ ปลายอะเหมือนโดนบังคับกลายๆ ให้ไปประกวด ตอนนั้นอยู่มอหก จะเข้ามหา’ลัยอยู่แล้ว ปลายอยากจดจ่อเรื่องเรียน แต่ต้องมาเจอภาวะจำยอมเพราะคุณอาที่ทำธุรกิจผ้าฝ้ายพื้นเมือง แกส่งนางงามเข้าประกวดทุกปี แต่ปีนั้นนางงามที่เล็งไว้เกิดมีข่าวฉาวกะทันหันเข้าประกวดไม่ได้ ช่วงชุลมุนนั่นไม่รู้ยังไงคุณอาเกิดนึกถึงปลายขึ้นมาเฉยเลย ถึงขนาดไปขอร้องย่าให้ช่วยพูดให้ปลายยอมประกวดหน่อย ตอนนั้นปลายกับพี่ชายอาศัยบ้านย่าอยู่ไงคะ ปลายเกรงใจก็เลยยอมไปประกวด แล้วปลายก็ดันได้ตำแหน่งอีก ทำให้ต้องดร็อปเรียนไปปีนึงเลยค่ะ แต่ก็ดีตรงพอเข้าคณะพยาบาลช้าลงเลยได้เจอยายปิงนี่แหละค่ะ ขานั้นน่ะเพื่อนซี้ปลายเลยละ ตายแทนกันได้”
ปลายฝนคุยยาว โดยเฉพาะเรื่องประกวดนางงามนี่เธอต้องขอเล่าลึก เพราะเกรงศรุตจะเข้าใจว่าเธอเน้นเรื่องความสวยความงามเป็นหลักสำคัญของชีวิต ทั้งที่ความจริงแล้วมันตรงข้าม ปลายฝนไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกมากไปกว่าเรื่องของจิตใจอย่างแน่นอน
“ความจริงรูปร่างหน้าตาปลายก็ระดับนางงามนั่นแหละ แต่คงเพราะเป็นพยาบาล เลยไม่มีใครคิดว่าจะเคยผ่านเวทีประกวดมาก่อน ถ้าปิงไม่เล่าพี่ไม่มีทางรู้เลย แต่พี่แอบภูมิใจนะเนี่ย แฟนพี่สวย” สายตาของคุณหมอหนุ่มที่มองปลายฝนเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจในรูปร่างหน้าตาที่ราวกับฟ้าประทานมาให้แฟนสาว
“แต่ปลายจะดีใจกว่านี้ ถ้าพี่รุตบอกว่าชอบปลายที่นิสัย”
หญิงสาวรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอกลัวมาตลอดว่ารูปลักษณ์ของเธอจะดึงดูดคนที่มองหญิงสาวแค่จากภายนอก จะว่าปลายฝนไม่ชอบความสะดุดตาของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรก็ได้ เธอไม่เคยลืมว่าเพราะรูปร่างหน้าตาของเธอนี่แหละ ที่ทำให้ทั้งเธอและพงษ์ผู้เป็นพี่ชายต้องระเห็จออกมาจากบ้านพ่อเลี้ยง ไปอาศัยกับย่า ตัดขาดจากแม่แบบกลายๆ ไปอีกคน หลังจากเพิ่งตัดขาดจากพ่อได้ไม่นาน
“พี่ชอบนิสัยปลายด้วยไงจ๊ะ สวยแล้วยังนิสัยดีหาได้ง่ายที่ไหน เอาละ อิ่มข้าวแล้วเดี๋ยวพี่พาไปร้านของหวานเลยละกัน” ศรุตตัดบทฉับไวหลังจากมองนาฬิกาข้อมือของตน
เมื่อออกจากร้านอาหารไปถึงร้านขนม ปลายฝนต้องประหลาดใจที่ในร้านไม่มีลูกค้าสักราย ร้านดูเงียบเหงา ทั้งที่ปกติตอนนั่งรถผ่านมาจะเห็นคนเต็มร้านเสียเป็นส่วนใหญ่
ทันทีที่สองหนุ่มสาวผลักบานประตูเข้าไป ไฟภายในร้านก็ดับพรึ่บลง พร้อมๆ กับแสงเทียนวับแวมที่ประดับทั่วร้านดูเด่นชัดขึ้น แสงนวลพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเทียนหอมส่งให้บรรยากาศภายในร้านดูโรแมนติกเป็นที่สุด
“อะไรคะเนี่ย!” ปลายฝนเอ่ยออกไปเบาๆ ในใจเริ่มเดาออกแล้ว แต่ยังไม่อยากเชื่อ จริงอยู่ที่เธอไม่เชื่อในความรัก แต่ต้องยอมรับว่าเธอแอบชอบเวลาเห็นคู่รักทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกัน ดูเป็นห้วงเวลาที่น่าจดจำของทั้งคู่
และในตอนนี้ปลายฝนกลับคิดว่าเรื่องทั้งหมดตรงหน้าเป็นความฝัน เธอไม่น่าจะโชคดีได้อยู่ในโมเมนต์แสนพิเศษเช่นนั้น จนกระทั่งเห็นน้ำปิงเดินออกมาพร้อมกุหลาบสีชมพูช่อโตนำมาส่งให้คุณหมอหนุ่ม ตามด้วยเพื่อนๆ ของศรุตสามคนเดินออกมาจากหลังร้าน โดยสองในสามนั้นช่วยกันถือป้ายผ้าที่เขียนด้วยตัวอักษรน่ารักว่า...
‘Will you marry me?’
ศรุตส่งช่อกุหลาบหอมกรุ่นให้ปลายฝน หญิงสาวรับพร้อมขอบคุณเบาๆ ความตื้นตันทำเอาเธอน้ำตาคลอ ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ครู่หนึ่งน้ำปิงเข้ามารับช่อดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปแอบอยู่มุมห้อง ส่วนศรุตคุกเข่าลงกับพื้น หยิบกล่องแหวนเพชรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เมื่อเปิดกล่องออกมาประกายแห่งเพชรน้ำงามนั้นแวววาวล้อแสงเทียน
“ปลาย...พี่รักปลายมาก แต่งงานกับพี่นะ”
ฝ่ายที่เพิ่งถูกขอแต่งงานยังยืนนิ่ง น้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้ม อีกครู่จึงเอ่ยออกไป
“ค่ะ พี่รุต”
แหวนเพชรถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้าย ศรุตลุกขึ้นสวมกอดหญิงสาว ลูบหลังเธอเบาๆ เสียงปรบมือจากเพื่อนๆ ดังตามมา ต่อด้วยเสียงเพลงบรรเลงคลอเบาๆ ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ ปลายฝนยังซุกหน้าลงบนอกกว้าง ไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
ศรุตคลายอ้อมกอด มือทั้งสองจับไหล่บอบบางของหญิงสาวไว้ให้สบตากันได้ถนัด
“ตอบตกลงแล้ว ห้ามเปลี่ยนใจนะ พี่จะรีบไปสู่ขอแล้วจัดงานให้เร็วที่สุด อยากอยู่กับปลายไวๆ ถ้าขืนยังเป็นแค่แฟนแบบนี้เราจะหาเวลาเจอกันยาก ปลายย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพักพี่ดีกว่า สะดวกสบาย ได้เจอกันทุกวัน พี่วางแผนไว้หมดแล้วว่าจะจัดงานแต่งที่กรุงเทพฯ เพราะญาติพี่ส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น แต่งเสร็จอาจจะหาทางย้ายไปทำงานด้วยกันในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ตามคำขอของแม่พี่ แล้วเราค่อยๆ คิดกันอีกทีเนอะ พี่ตื่นเต้นจะแย่แล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะได้แต่งงานกับปลายจริงๆ”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของงานแต่งงานที่เกิดขึ้นในอีกสองเดือนถัดมา
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **